TVD เผยภาพลักษณ์องค์กรหลังรีแบรนด์ ได้ยกระดับภาพลักษณ์ที่ทันสมัยและพนักงานในองค์กรมีความตื่นตัวอย่างเต็มที่ ตลอดจนสามารถสร้างความประทับใจแก่ลูกค้าด้วยโมเดล Omni Channel ทุกช่องทางขาย มั่นใจจะทำให้บริษัทก้าวข้ามปี 2562 ที่ต้องเผชิญกับปัจจัยลบต่างๆ ทั้งการยุติการร่วมผลิตรายการกับช่อง 19 การคืน 7 ช่องสถานีโทรทัศน์ดิจิทัล และภาพรวมเศรษฐกิจชะลอตัวที่ทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง พร้อมปั้นยอดขายตามที่ตั้งเป้าหมาย 4,450 ล้านบาท นายทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัททีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) หรือ TVD ผู้นำธุรกิจจำหน่ายสินค้าและบริการผ่าน Omni Channel เปิดเผยว่า บริษัทได้ดำเนินธุรกิจด้วยโมเดลและภาพลักษณ์ใหม่จนได้ผลเป็นที่น่าพอใจ แม้ต้องประสบปัญหาภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว แต่ก็สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆได้อย่างดี และคาดว่าจะสามารถทำยอดขายปี 2562 ได้ตามเป้าหมาย 4,450 ล้านบาท ขณะเดียวกันได้ใช้เวลาในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาเตรียมความพร้อมสำหรับการดำเนินธุรกิจในปี 2563 ภายใต้กลยุทธ์ Lean Strategy ที่จะสร้างเสริมธุรกิจ ลดความซ้ำซ้อนของกระบวนการทำงาน บริหารค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนควบรวมกิจการในเครือที่มีลักษณะคล้ายกัน โดยในการประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ วันที่ 23 ธ.ค.62 มีมติอนุมัติการปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขยายธุรกิจ สร้างการเติบโตที่ดีในอนาคต และรองรับการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจในยุคดิสรัปชั่น สำหรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ของ TVD แบ่งเป็น 2 กลุ่มหลักคือ 1.ธุรกิจแบบ B2C (Business to Consumer) จะเน้นธุรกิจที่เข้าถึงผู้บริโภคโดยตรง เพื่อพัฒนาสินค้าในกลุ่ม Bedding Fitness และ Small Appliance ที่ตรงใจผู้บริโภค และได้เสริมความแข็งแกร่งด้านผลิตภัณฑ์ โดยเพิ่มเติมสินค้าเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่จะช่วยเพิ่มกำไรได้ตามเป้าหมาย นอกจากนี้การใช้โมเดลการขายสินค้าแบบ Omni Channel ได้เริ่มส่งผลบวกต่อทุกช่องทาง ขณะที่ลูกค้าก็ให้การตอบรับที่ดีและชื่นชอบในสิ่งที่บริษัทนำเสนอ สะท้อนจากพฤติกรรมของลูกค้าที่เข้ามาสัมผัสสินค้าที่ร้านและสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ ส่วนลูกค้าจากช่องทางออนไลน์ก็เข้ามาที่หน้าร้านเพื่อขอทดลองใช้สินค้า ทั้งนี้กลุ่มธุรกิจแบบ B2C ประกอบด้วย 4 บริษัทในกลุ่มดังนี้ 1.บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน)หรือTV Direct Public Company Limited (TV Shopping Business) 2.บริษัท ทีวีดี ช้อปปิ้ง จำกัด หรือ TVD Shopping Co., Ltd. (Home Shopping Business) 3.บริษัท เมิกซ์ 915 จำกัด หรือ Merx 915 Co., Ltd. (Online Business) 4.บริษัท ทีวีดี เอ็ม จำกัด หรือ TVD M Co.,Ltd. (Satellite Channel & Platform) ขณะที่ 2.ธุรกิจแบบ B2B (Business to Business) ซึ่งจะเป็นธุรกิจแนวใหม่ของบริษัทเพื่อรองรับเทรนด์ Direct to Consumer ที่กำลังมาแรง เนื่องจากเจ้าของแบรนด์สินค้าเริ่มเข้าใจว่าลูกค้าที่เป็น End User มีความสำคัญมาก และการใช้เทคโนโลยีรวมถึงเครื่องมือการตลาดจะช่วยตัดตัวกลางเพื่อเริ่มสื่อสารกับลูกค้าได้โดยตรง ดังนั้นในการนำเสนอบริการของ TVD จะมีเมนูให้แบรนด์สินค้าเลือก ทั้งแบบ Full Course ที่ตอบสนองทุกความต้องการได้ในจุดเดียว หรือเลือกใช้บริการเฉพาะอย่าง โดยบริษัทมีประสบการณ์ในธุรกิจมากว่า 20 ปี เช่น บริการ Call Center ทั้ง 5 ประเภท โดยเฉพาะระบบ Telesales ที่ออกแบบและพัฒนาเพื่อการขายสินค้าทางโทรศัพท์แบบครบวงจร หรือการบริหารจัดการ Individual Order จาก Call Center ถึงมือลูกค้า พร้อมจัดเก็บข้อมูลได้แบบเฉพาะเจาะจงอีกด้วย จึงมั่นใจในการนำเสนอบริการดังกล่าวแก่ลูกค้า โดยใช้องค์ความรู้ ความเข้าใจ ตลอดจนประสบการณ์ที่หลากหลายพร้อมแนวทางการแก้ไขที่มากกว่าความคาดหวังของลูกค้า ทั้งนี้กลุ่มธุรกิจแบบ B2B ประกอบด้วย 6 บริษัทในกลุ่ม ได้แก่ 1.บริษัท ทีวีดี เซอร์วิสเซส จำกัด หรือ TVD Services Co., Ltd. (ให้บริการ Call Center และ Back End System) 2.บริษัท ทีวีดี โบรกเกอร์ จำกัด หรือ TVD Broker Co., Ltd.(Insurance Broker Business) 3.บริษัท ลาสไมล์ ไดเร็ค จำกัด หรือ Last Mile Direct Co., Ltd. (ให้บริการ DC,บริหารคลังสินค้า,ส่งของเงินสด,การบริหารสินค้าคืน) 4.บริษัท เมจิก พีวอท จำกัด หรือ Magik Pivot Co., Ltd. (ให้บริการด้านการใช้ข้อมูล MIS, การวิเคราะห์ข้อมูล Data Mining การทำ Marketing Automation, Data Center และ Cloud Services) 5.บริษัท โกลบอลวัน คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ Global One Corporation Co.,Ltd. (Multi-level Marketing) 6.บริษัท ทรี-อาร์ดี จำกัด หรือ 3-RD Co., Ltd. (ให้บริการ BPO รวมไปถึงการสร้าง Mobile Application) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนกับกลุ่ม CNT-TECH จากประเทศเกาหลีใต้ นายทรงพล กล่าวอีกว่า นอกจากการปรับโครงสร้างกลุ่มธุรกิจใหม่ ยังมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งผู้บริหารที่สำคัญในองค์กร โดยเฉพาะ บมจ.ทีวี ไดเร็ค ซึ่งคณะกรรมการบริษัทมีมติเลื่อนตำแหน่งนายทรงพล ชัญมาตรกิจ เป็น Group CEO เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจ B2B โดยใช้ความรู้ความสามารถในการสร้างธุรกิจใหม่ๆ รวมถึงขยายการลงทุนธุรกิจที่มีศักยภาพในยุค Disruption อีกด้วย พร้อมกันนี้ได้เลื่อนตำแหน่งนายธนะบุล มัทธุรนนท์ จากกรรมการผู้จัดการบริษัท ทีวีดีช้อปปิ้ง จำกัด เป็นตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ของ บมจ.ทีวี ไดเร็ค เพื่อบรรลุเป้าหมายตามกลยุทธ์ที่วางไว้ โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.63 เป็นต้นไป สำหรับนายธนะบุล จบการศึกษาระดับปริญญาตรี จาก คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ และระดับปริญญาโทจากมหาวิทยาลัย Dominican University of San Francisco มีประสบการณ์ทำงานกับธนาคารซิตี้แบงค์ และ บจก.ทีบีเอ็ม โซลูชั่น ก่อนจะเข้ามาร่วมงานกับกลุ่ม TVD ในตำแหน่งกรรมการบริษัททีวีดี เซอร์วิสเซส กรรมการ บริษัท ทีวีดี ช้อปปิ้ง และกรรมการ บมจ. ทีวีไดเร็ค นายวิเชียร มานะพงศ์พันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน บมจ.ทีวี ไดเร็ค กล่าวว่า มีความมั่นใจว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะนำความสำเร็จมาสู่บริษัท โดยพัฒนาระบบงานของ TVD ให้มีความเรียบร้อยและเสถียรมากขึ้น ทั้งระบบบัญชีการเงิน ระบบการบริการลูกค้า ระบบบริหารคำสั่งซื้อ อย่างไรก็ตามทิศทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทในอนาคตจะแตกต่างไปจากเดิม จึงต้องเตรียมทางเลือกไว้ให้เพียงพอ “อนาคตที่บริษัทจะไปนั้นจะไม่เหมือนเดิม เราต้องเตรียมทางเลือกไว้ให้มากพอ และผู้ที่จะบุกเบิกเส้นทางเหล่านั้นเพื่อขยายธุรกิจใหม่ๆ จำเป็นต้องมีความรู้ความสามารถแบบหนึ่ง ส่วนผู้บริหารที่ดูแลธุรกิจในปัจจุบันต้องมีความรู้ความสามารถอีกรูปแบบหนึ่งต้องเน้นต้นทุนและประสิทธิภาพ ซึ่งนับเป็นเรื่องที่ดีเพราะบริษัทมีผู้บริหารที่มีความเชี่ยวชาญทั้ง 2 ส่วนดังกล่าวคือ คุณทรงพลและคุณธนะบุล”