เมื่อเวลา 03.45 น.ของวันที่ 24 ธ.ค.62 พ.ต.อ.อนุภาพ ผิวอ่อน ผกก.สภ.บ้านค่าย ได้รับรายงานจาก พ.ต.ท.ชยพล ดีหลี รอง ผกก.สภ.บ้านค่าย จังหวัดชัยภูมิ ว่าทางศูนย์วิทยุตำรวจสภ.บ้านค่าย รับแจ้งว่ามีเหตุไฟไหม้ศาลาการเปรียญเก่า ที่วัดกลางหมื่นแผ้ว หมู่ที่ 1 ตำบลบ้านค่าย อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ จึงรุดไปตรวจที่เกิดเหตุพร้อมรถดับเพลิงเทศบาลบ้านค่าย,รถดับเพลิง อบต.หนองนาแซง รถดับเพลิงจากเทศบาลเมืองชัยภูมิ กว่า5คัน ที่เกิดเหตุพบพระเณร ชาวบ้านในระแวกนั้นกำลังช่วยกันตักน้ำมาช่วยกันดับกองไฟมหึมาที่กำลังเผาไหม้ ศาลาไม้การเปรียญ ที่มีอายุเก่าประมาณกว่า100ปี ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางหมู่บ้าน โดยเพลิงกำลังลุกลามเข้าบริเวณบ้านเรือนชาวบ้านซึ่งอยู่ใกล้เคียงศาลาการเปรียญหลังเก่าของวัดกลางหมื่นแผ้วแห่งนี้ เจ้าหน้าที่จึงเร่งระดมใช้น้ำฉีดสกัดเพลิง ที่กำลังลุกลามอย่างรวดเร็ว โดยใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง เพลิงจึงเริ่มสงบลงและสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ เบื้องต้นพบความเสียหายคือ ศาลาการเปรียญ ที่มีอายุเก่าประมาณ กว่า 100 ปีซึ่งเป็นไม้ทั้งหลัง ถูกเผาไหม้หมดกลายเป็นเถ้าถ่านภายในเวลาอันสั้น เบื้อนต้นได้สอบถามไปยังพระนเรฐ ปริปุณโณ พระลูกวัด กลางหมื่นแผ้ว เล่าว่าก่อนเกิดเหตุ ตนได้ยินเสียงชาวบ้านร้องโวกเหวกโวยวาย จึงรีบตื่นมาดูจึงพบว่าไฟกำลังเริ่มไหม้ศาลาการเปรียญ ตนเองจึงรีบวิ่งมาตีกลองระฆังร้องเพื่อขอความช่วยเหลือ จากชาวบ้านในระแวกดังกล่าว ให้รีบออกมาช่วยกันดับไฟ พร้อมทั้งโทรแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้รีบมาช่วยระงับเพลิงไหม้ในครั้งนี้ ซึ่งศาลาดังกล่าวไม่มีพระอาศัยซึ่งเป็นเพียงศาลาที่เอาไว้ให้ชาวบ้านมาถือศีล หรือใช้เวลาทำบุญตักบาตร งานพิธีมงคล ต่างๆ โดยภายในจะประดิษฐาน พระพุทธรูป รวมถึงข้าวของของวัดที่เก็บไว้ ส่วนสาเหตุจากการเกิดไฟไหม้ในครั้งนี้ ยังไม่ทราบว่าเกิดจากสาเหตุอะไร เพียงแต่ตื่นมาเห็นไฟกำลังลุกไหม้อยู่บนศาลาแล้วจึงรับออกมาขอความช่วยเหลือดังกล่าว แต่ก็ไม่ทัน โดยไฟลุกไหม้อย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะถูกเผาวอดไปทั้งหลัง ซึ่งเรื่องนี้สร้างความสะเทือนใจให้กับพระสงฆ์และพุทธศาสนิกชนชาว ต.บ้านค่ายหมื่นแผ้วอย่างมากอีกด้วย ขณะที่ทางด้าน พ.ต.ท.ชยพล ดีหลี รอง ผกก.สภ.บ้านค่าย จังหวัดชัยภูมิ ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุในเบื้องต้นและยังไม่ได้ระบุถึงสาเหตุการเกิดเหตุเพลิงไหม้ในครั้งนี้และยังไม่ได้ประเมินค่าความเสียหายเนื่องจากต้องรอให้กองพิสูจน์หลักฐานจาก สภ.เมืองชัยภูมิ เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ เพื่อหาสาเหตุเพลิงไหม้ในครั้งนี้ ในช่วงเช้าให้แน่ชัดอีกครั้งต่อไปด้วย