พุ่งพรวดขึ้นมาถึง 23 อันดับ จากอันดับ 526 ของโลก มุ่งเป้าสถาบันสีเขียวสมบูรณ์แบบ ทั้งเป็นต้นแบบสร้างสิ่งแวดล้อมให้ชุมชนและสังคม ผศ.ดร.วิโรจน์ ลิ้มไขแสง อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน กล่าวว่า สภา มทร.อีสาน มีมติให้กำหนดนโยบายพัฒนา มทร.อีสาน สู่การเป็น Green University แบบเต็มตัว โดย ผู้บริหาร คณาจารย์ และบุคลากร ของ มทร.อีสาน ทุกคน ต้องสื่อสารให้นักศึกษามีความรู้ความเข้าใจเรื่องGreen University พร้อมปลูกฝังจิตสำนึกที่ดีในการร่วมมือกันพัฒนาระบบต่าง ๆ อันจะนำไปสู่การเป็นมหาวิทยาลัยสีเขียว เพื่อให้มหาวิทยาลัยขับเคลื่อน Green Universityไปได้อย่างเป็นระบบ อาทิ เรื่องสาธารณูปโภค ภูมิทัศน์ อาคารสถานที่ และสิ่งแวดล้อมโดยรอบ รวมไปถึงสภาพอากาศและสภาพจิตใจของผู้อาศัยต้องดีขึ้นอย่างสอดคล้องกัน และสามารถสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีให้เป็นแบบอย่างแก่ชุมชนในละแวกใกล้เคียงได้ โดยสิ่งสำคัญอีกอย่างคือ มทร.อีสาน ต้องไม่เป็นผู้ก่อมลพิษที่ส่งผลกระทบต่อชุมชนและสังคม ด้านอ.ภาณุมาศ เรืองทิพย์ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการกองกลาง เปิดเผยว่า ในปี 2561 ซึ่งเป็นปีแรกที่ มทร.อีสาน เข้าร่วมการจัดอันดับประเมินมหาวิทยาลัยสีเขียว ภายใต้ชื่อ UI Green Metric World University Ranking จัดอันดับโดย มหาวิทยาลัยอินโดนีเซีย โดยมีมหาวิทยาลัยจากทั่วโลกทั้งหมด 719 แห่ง ร่วมรับการประเมิน ซึ่งในครั้งนั้น มทร.อีสาน อยู่ในอันดับที่ 26 ของไทย และอันดับที่ 529 ของโลก มีผลคะแนนรวม3,925 คะแนน นับเป็นก้าวแรกของความสำเร็จ และเป็นแรงผลักดันในการพัฒนา มทร.อีสาน สู่มหาวิทยาลัยสีเขียวในปีนี้ จากผลการประเมินในปีที่ผ่านมามทร.อีสาน ได้นำข้อมูลมาวิเคราะห์ถึงส่วนต่าง ๆ ที่จะสามารถพัฒนาขึ้นได้และกำหนดเป้าหมายใหม่ในการทำคะแนนให้ได้มากยิ่งขึ้น โดยตั้งเป้าไว้ที่ 4,000 คะแนน ทั้งนี้ ผลปรากฎว่า ในปี 62 จากการจัดอันดับข้างต้น มทร.อีสาน สามารถพัฒนามหาวิทยาลัยให้ดีขึ้นเกินกว่าปี 61 ถึง 450 คะแนน อีกทั้งยังทะลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ถึง 375 คะแนน โดยทำคะแนนไปได้ทั้งสิ้น 4,375 คะแนน มีผลการจัดอันดับโลกอยู่ที่ 506 จากทั้งหมด 780 แห่ง และติดอันดับที่ 29 ของประเทศ เมื่อสังเกตจากภาพรวมของอันดับโลกแสดงให้เห็นได้ว่า มทร.อีสาน มีการพัฒนาก้าวหน้าไปมากด้วยเช่นกัน โดยกระโดดขึ้นมาถึง 23 อันดับ ซึ่งอยู่ในอันดับที่น่าพอใจ และสร้างขวัญกำลังใจให้กับชาว มทร.อีสาน ได้ไม่น้อย โดย มทร.อีสาน ยังมีเป้าหมายที่จะพัฒนามหาวิทยาลัยให้เป็น Green University ได้อย่างสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นต่อไป พร้อมเป็นศูนย์กลางให้คำปรึกษาและแนะนำแก่ชุมชนในการนำความรู้ไปปรับใช้เพื่อพัฒนาพื้นที่สีเขียวของตนด้วย