เฟซบุ๊กแฟนเพจ “เจ๊ดา อนาคตจันท์” ของ นางลัดดา จตุจักรอุทัยศรี หรือ เจ๊ดา เจ้าของโรงแรมเชอราตันเซนเตอร์ อดีตผู้สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่ โพสต์ข้อความระบุว่า... 1. “เราเคยเรียกร้องผลประโยชน์อะไรจากพรรค” สิ่งที่เราร้องขอพรรคมี 3 เรื่อง คือ 1.ให้พรรคช่วยตรวสอบ ระบบการรับสมัครของพรรค 2.ให้ช่วยตรวจสอบการนำกรรมการพรรคประจำจังหวัด มาสมัครท้องถิ่น เป็นการได้เปรียบทีมอื่นอย่างไม่เป็นธรรม 3.ให้ช่วยพิจารณาทำตามหลักเกณฑ์ที่พรรคประกาศรับสมัคร และเคยประกาศไว้ ในการให้ข่าวต่อสื่อมวลชน ว่าหลักการ ในการคัดเลือกคืออะไร สุดท้ายพรรคเฉยเมย ไม่สนใจ เราไม่เคยร้องขอประโยชน์อื่นใด ใครอยากรู้ความจริง ถ้าอยากรู้ความจริงโปรดอย่าคิดเอง พูดใส่สีตีไข่กันเอง อย่างที่คนนอก ไม่เคยเข้ามาสัมผัสการดำเนินงานของพรรค ให้ไปถาม ธนาธร ปิยะบุตร พรรณิการ์ ได้เลย ว่าเจ๊เคยขออะไรพรรคบ้างไหม นอกจาก 3 ข้อข้างต้น แต่ในช่วงหาเสียง คงไม่ต้องถามว่าพรรคขอให้เราช่วยอะไร *ดังนั้น*เสียงของผู้ร้องขอให้ตรวจสอบไม่มีค่า นี่คือความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ที่พรรคชูประเด็นหรือ นี่คือการดำเนินงานตามหลักประชาธิปไตยหรือ 2. “ความตั้งใจในการลงการเมืองท้องถิ่นแบบอิสระ” เราตั้งใจลงท้องถิ่นมาหลายปี ตั้งแต่ท้องถิ่นหมดวาระ แต่ คสช. ให้คนเก่ารักษาการแทนไปเรื่อยๆ แล้วอนาคตใหม่เกิดขึ้นและเข้ามาในจันทบุรี เจ๊ดาเป็นหนึ่งในคนรุ่นแรกที่ช่วยประสานมวลชน ให้พรรคสามารถวางรากฐานในจังหวัดได้อย่างมั่นคง มีตัวแทนลงสมัคร ส.ส. และช่วย ส.ส.ทุกเขตหาเสียง เมื่อได้ ส.ส. เขาก็เชิญให้เข้าสมัครท้องถิ่นกับพรรค เจ๊ดาคิดว่าไหนๆก็จะลงสมัคร ก็คงไม่ได้เสียหายอะไร ทั้งที่ตั้งใจลงอิสระ เพราะภาพลักษณ์ที่เป็นคนทำงาน ไม่เคยทำงานอะไรเสียหาย ทุนส่วนตัวก็มี คนรู้จักก็ไม่น้อย สามารถลงสมัครอิสระได้อยู่แล้ว แต่เมื่อพรรคไม่ทำตาม 3 ข้อที่เราขอให้ตรวจสอบ เจ๊ดาก็ออกมาอย่างสบายใจ ได้เป็นอิสระอีกครั้ง *เพราะ*เรามองว่าการที่ท้องถิ่นจะสังกัดพรรค แต่ต้องทำตามหลักเกณฑ์ของพรรคตลอด มันขัดกับหลักการปกครองท้องถิ่นที่ต้องสามารถ ดำเนินงานได้อย่างอิสระตามหลักการกระจายอำนาจ 3. “ความไม่เป็นธรรมที่ได้รับคืออะไร” คือการที่พรรคตั้งหลักเกณฑ์ขั้นตอนการรับสมัคร การที่พรรคประกาศหลักการพิจารณาทีมที่จะได้รับคัดเลือก แต่พรรค ไม่ได้ให้ความสำคัญกับหลักเกณฑ์ ขั้นตอน ที่พรรคตั้งขึ้นมาสำหรับรับสมัครทีมในแคมเปญนี้ ถ้าเอาประกาศรับสมัครมากางแผ่ให้ทุกท่านดู เอาการถอดเทปการให้สัมภาษณ์ต่อสื่อต่างๆให้ท่านอ่าน เราสามารถขีดได้เป็นข้อๆเลยว่า ข้อไหนที่พรรคบกพร่อง อันทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมต่อทีมผู้สมัคร นี่ คือการไม่รับผิดชอบต่อกฎเกณฑ์ ต่อคำพูด ทั้งที่ตนเองตั้งกฎเกณฑ์นั้น พูดคำเหล่านั้นออกมาเอง *ดังนั้น*เราจึงไม่แปลกใจถึงกรณีคดีความต่างๆของพรรค เราจึงออกมานำเสนอแนวคิดบ้าง หลักกฎหมายบ้าง ที่เป็นไปในแนวทางที่ไม่ถูกบิดเบือน เป็นแนวทางที่ถูกต้อง 4. “เจ๊ดาเป็นหนึ่งในงูเห่าในจันทบุรีหรือไม่ ทุกวันนี้เจ๊เนรคุณพรรคหรือไม่” คำว่างูเห่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นแค่วาทกรรมที่เริ่มจากพรรค ที่คุณช่อออกมาแถลงว่ามีการติดต่อซื้อตัวละ 120 ล้าน ภายหลังให้ข่าวอีก แต่ราคาตกลงไป ช่วงเลือกตั้งเสร็จใหม่ๆ เจ๊ดาไม่ใช่งูเห่าแน่นอน เพราะที่ผ่านมาการทำงานการเมือง หลังจากเลือกตั้งเสร็จ ก็ต่างคนต่างทำหน้าที่ ส.ส.ก็ทำหน้าที่ของ ส.ส. เจ๊ก็ทำหน้าที่หาเสียงของเจ๊ ไม่เกี่ยวข้องกัน จะมีพบเจอในงานด้วยความบังเอิญบ้าง หรือไปเจอกันในงานของพรรคบ้าง หรือเจ๊มีร้านกาแฟ ส.ส.มากินกาแฟบ้าง ซึ่งผู้ใหญ่ในบ้านเมืองก็มากินกาแฟร้านเจ๊เป็นปกติ จะเจอเจ๊หรือไม่เจอเจ๊ก็ตามแต่โอกาส เจ๊เนรคุณพรรคหรือไม่?? ถ้าย้อนกลับไปยังข้อที่ 2.จะเห็นได้ว่า เจ๊ดาไม่ได้อยู่ในฐานะที่ต้องพึ่งพรรคมาตั้งแต่ต้น พรรคไม่ได้มีบุญคุณอะไรกับเจ๊ จะบอกว่าพรรคให้เจ๊สมัคร เป็นบุญคุณกับเจ๊ มันก็ไม่ใช่นะ เพราะพรรคเปิดรับเอง ถ้าพรรคไม่เปิดรับ เดี๋ยว กกต.ก็เปิดรับสมัคร คนมาสมัครกับพรรคก็ต้องเสียค่าสมัครสมาชิกอีกต่อนึงด้วย แต่มองกลับกันเจ๊ดาเป็นหนึ่งในผู้ให้อุปการคุณกับพรรค มาตั้งแต่เข้ามาตั้งสาขาในจังหวัดจันทบุรี เจ๊จึงไม่ใช้บุคคลที่เปลี่ยนค่ายย้ายพรรค ไปซบพรรคอื่น แต่คือคนที่ทำประโยชน์ให้พรรค แล้ววางมือจากพรรค เพราะพรรคเองที่ไม่ทำตามสัญญาประชาคม *ดังนั้น*เรื่องเจ๊เป็นงูเห่า หรือเจ๊เนรคุณพรรค เป็นแค่เรื่องที่คู่ต่อสู้ท้องถิ่นพยายามเชื่อมโยง ต้องการสร้างกระแสงูเห่า และการเนรคุณพรรค และพยายามลากเจ๊เข้าไปด้วยติดร่างแหด้วย เพื่อหวังดิสเครดิตเจ๊ดา กระบวนการนี้เจ๊ทราบดี ว่ามีการดึงเจ๊เข้าไปด่าว่าหยาบคายในเพจสาธารณะ ที่มีทีมผู้สมัครของพรรคเป็นแอดมินอยู่ในเพจนั้น และมีความพยายามเชื่อมโยงไปยังกระแสของพรรค เจ๊ได้เก็บหลักฐานต่างๆ แจ้งความเรียบร้อยแล้ว 5. “ที่ผ่านมาเจ๊งอแง โวยวาย โจมตีพรรค” เรื่องที่เจ๊พูดไม่ใช่เรื่องเท็จ แต่เป็นข้อเท็จจริงทั้งหมด ที่สามารถพิสูจน์ได้ พรรคเองก็สามารถพิสูจน์ได้ ถึงขนาดที่พรรคไม่ตอบโต้ข้อเท็จจริงเหล่านี้ พรรครู้ว่าถ้าตอบโต้ พรรคเองที่จะเสียหาย จึงทำได้เพียง อ.ปิยะบุตร ขอผ่านมาทาง ส.ส. ว่าให้เจ๊หยุดพูดได้หรือไม่ ส.ส.เคยขอไว้ไม่ให้พูด เพราะกลัวจะเสียถึงพรรค แต่วันนี้ ส.ส. ไม่ได้อยู่ในพรรค เจ๊จึงพูดตามจริง เจ๊พิจารณาแล้วว่า จะปล่อยให้คนจันทบุรี รับทราบแต่ข้อเท็จ ข้อสร้างภาพของพรรคไม่ได้ คนจันท์ต้องได้รับฟังความจริง เจ๊จึงออกมาพูด วาทกรรมต่างๆที่ออกมาจากพรรค บ่อนทำลายความสามัคคีของประชาชนไปมากแค่ไหน เข้าไปดูในเพจยอดนิยมในจันทบุรีได้ ว่ามีความแตกแยกของประชาชนคนจันท์ในระดับใด เมื่อในเพจสาธารณะมีเรื่องการเมืองเข้ามา ผู้คนคิดอ่านกันอย่างไร จำนวนยอดไลค์ กับเนื้อหาในข้อความมีความสอดคล้องแตกต่างอย่างไร การที่ด่าฝ่ายตรงข้ามอย่างเดียว ไม่ใช่ความสามัคคี ไม่ใช่คนทั้งจังหวัดเห็นไปในทางเดียวกัน แต่เป็นกระแสที่คนเห็นต่างเค้าแสดงความเห็นไม่ได้ ออกความเห็นแล้วทานกระแสไม่ได้เพราะโดนด่ากลับ มันไม่ใช่ประชาธิปไตย ไม่ใช่ความสามัคคี มันคือกระแสกดขี่สังคม ที่คนเห็นต่างออกความเห็นไม่ได้ เราจับตาดูอยู่ตลอด เพราะเป็นเพจสาธารณะ แต่เลือกข้างทางการเมือง มีแอดมินฝักใฝ่พรรค เรื่องดีๆของทีมอื่น ฝ่ายอื่น ที่ไม่ได้มีอำนาจในบ้านเมืองจริงๆ หรือไม่ใช่พวกของเขาจริงๆ ก็ไม่มีสิทธิได้ปรากฎในเพจนั้น *ดังนั้น*เจ๊จึงใช้เพจของตัวเอง บอกเล่าเรื่องจริง ให้พี่น้องประชาชนทุกฝ่ายในจังหวัดจันทบุรี โดยไม่เลือกสีเลือกข้าง ได้มีสิทธิรับฟังข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในพรรค ความจริงใจของพรรคที่ให้กับคนจันทบุรี ให้คนในจังหวัดพิจารณากันให้ทุกข้อ ขอชี้แจงแค่นี้ก่อนค่ะ มีอีกหลายประเด็นที่โจมตีเจ๊ดา แต่ไม่มีปัญหา เจ๊ตอบได้ทุกประเด็นโดยไม่ต้องสร้างวาทกรรม เพราะเจ๊ยืนอยู่บนความจริง และความถูกต้อง