ททท.เฝ้าระวัง-ประเมินสถานการณ์ นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวถึง เหตุการณ์ระเบิดหลายจุดในแหล่งท่องเที่ยวหลักของไทย ได้แก่ หัวหิน ภูเก็ต สุราษฏร์ธานี เมื่อคืนวานนี้ จนถึงวันนี้ ว่า ทราบเหตุการณ์ระเบิดในหลายแหล่งท่องเที่ยวของไทยในช่วงเช้าวันนี้แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการเรียกรองผู้ว่าการททท. ทุกฝ่าย เข้าร่วมประชุมอย่างเร่งด่วน ที่สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.).เพื่อประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมถึงการติดตามข่าวสารจากต่างประเทศ เพราะเบื้องต้นทราบว่าข่าวน่าจะแพร่สะพัดไประดับหนึ่งแล้ว ส่วนความคืบหน้าของผลกระทบในเบื้องต้นจะเป็นอย่างไรนั้นต้องรอผลการประเมินและสรุปสถานการณ์อีกครั้งหลังจากช่วงเช้านี้ ด้าน นายศุกรีย์ สิทธิวนิช รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. กล่าวว่า จากเกิดเหตุระเบิดในหลายพื้นที่ขณะนี้ คงต้องติดตามสถานการณ์ว่า มุมมองต่างประเทศต่อไทยจะเป็นอย่างไร เนื่องจากในยุโรปและสหรัฐอเมริกา ยังอยู่ในช่วงกลางคืน คงต้องรอวันพรุ่งนี้จึงจะสามารถสรุปข้อมูลได้ว่าแต่ละประเทศมีมุมมองอย่างไร เบื้องต้นยังไม่มีการยกเลิกการท่องเที่ยว รวมไปถึงกิจกรรมต่าง ๆ ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้หากสถานทูตต่างประเทศ จะมีการเตือนนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมายังประเทศไทย ก็ถือเป็นเรื่องปกติ เหมือนที่ไทยเองเคยเตือนการเดินทางไปยังประเทศที่มีความเสี่ยง ทั้งนี้คาดการณ์ว่า การรายงานผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวคงต้องใช้เวลาอีก 1 - 2 วันเพื่อสรุป พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลพร้อมดูแลเต็มที่เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน และในวันนี้ช่วงบ่าย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จะลงพื้นที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์เพื่อให้กำลังใจประชาชนในพื้นที่ ขณะที่การช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับบาดเจ็บจะเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่มีอยู่ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รมต.ท่องเที่ยวลงพื้นที่หัวหิน ส่วน นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ในช่วงบ่ายวันนี้จะเดินทางลงพื้นที่ อ.หัวหิน เพื่อติดตามสถานการณ์ท่องเที่ยวในพื้นที่ รวมถึงเยี่ยมอาการผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ระเบิด ทั้งนี้ได้สั่งการให้ตำรวจท่องเที่ยวและสำนักงานท่องเที่ยวทุกจังหวัดตื่นตัวในการประสานงานร่วมกับหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยเหลือและดูแลนักท่องเที่ยวให้ดีที่สุด อย่างไรก็ตามยังเชื่อมั่นว่าสถานการณ์นี้จะไม่กระทบต่อการท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซั่น เพราะตลาดต่างประเทศยังมีความต้องการเดินทางมาไทยสูง การรับมือเฉพาะหน้าคือการดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวที่ยังอยู่ในประเทศให้ดีที่สุด แสดงความรับผิดชอบต่อผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา โดยนำประสบการณ์จากวิกฤตความรุนแรงที่เกิดขึ้นก่อนหน้ามาปรับใช้ ระเบิดมีผลโดยตรงต่อธุรกิจโรงแรม ขณะที่ นางปิยะมาน เตชะไพบูลย์ กรรมการผู้จัดการกลุ่มบริษัท เดอะ รีเจ้นท์ กรุ๊ป ผู้ดำเนินธุรกิจโรงแรมรีเจ้นท์ ชะอำ บีช รีสอร์ท กล่าวว่า เหตุระเบิดวันนี้มีผลกระทบระยะสั้นต่อตลาดคนไทยเป็นหลัก เนื่องจากเกิดเหตุในช่วงวันหยุดยาว และเป็นเทศกาลวันแม่ที่มีลูกค้าจองห้องพักเพื่อพาครอบครัวและแม่มาพักผ่อนกันจำนวนมาก ทำให้อัตราเข้าพักเฉลี่ยที่จองไว้เต็มเกือบ 100% แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้น ทางโรงแรมต้องเปิดให้ลูกค้าสามารถยกเลิกห้องพัก โดยไม่ชาร์ตค่าเสียหาย เนื่องจากเข้าใจว่าเป็นเหตุสุดวิสัย สำหรับ นายธีระยุทธ จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา กล่าวว่า ความรุนแรงครั้งนี้มีผลโดยตรงต่อธุรกิจโรงแรมแน่นอน แต่ยังไม่สามารถประเมินได้ว่าจะมากน้อยเพียงใด ซึ่งหลังจากนี้ไทยคงต้องเรียกความเชื่อมั่นกลับมาให้เร็วที่สุด ขณะที่โรงแรมในเครือเซ็นทาราทั้งหมดเตรียมยกระดับมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยโดยรวมเข้มงวดขึ้นเพื่อป้องกันอีกทางหนึ่ง เชื่อมั่นมาตรการรักษาความปลอดภัย ซึ่ง นายอิทธิฤทธิ์ กิ่งเล็ก ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ สทท. กล่าวว่า จากเหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ของจังหวัดท่องเที่ยวหลายจังหวัด ทั้ง ตรัง กระบี่ ภูเก็ต พังงา สุราษฏร์ธานี และประจวบคีรีขันธ์ น่าจะมีผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในด้านของความปลอดภัย เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้นักท่องเที่ยวเกิดความกังวล แต่จากมาตรการของรัฐบาล ในการเร่งตรวจสอบถึงสาเหตุของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และมาตรการความปลอดภัย ที่มีการเฝ้าระวังในพื้นที่จุดเสี่ยงนั้นจะทำให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวเกิดความเชื่อมั่นได้ในระดับหนึ่ง “ เชื่อมั่นในเรื่องของมาตรการการรักษาความปลอดภัยของรัฐบาล ที่มีการดำเนินการอย่างเร่งด่วนอยู่ในขณะนี้ ซึ่งมาตรการความปลอดภัยดังกล่าว ไม่ใช่เป็นเรื่องของรัฐบาลฝ่ายเดียว แต่ทั้งผู้ประกอบการ ภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่ควรให้ความร่วมมือ ช่วยสอดส่องดูแลและเฝ้าระวังด้วยเช่นกัน” นายอิทธิฤทธิ์ กล่าว ด้านผลกระทบต่อยอดเข้าจองห้องพักของนักท่องเที่ยว ในขณะนี้ยังไม่พบรายงานของการยกเลิกห้องพักในพื้นที่ แต่อย่างไรก็ตาม การประเมินดังกล่าวอาจเร็วเกินไปเนื่องจากสถานการณ์เพิ่งเกิดขึ้น จึงยังไม่มีการสรุปตัวเลขที่แน่นอน ขณะเดียวกันเรื่องผลกระทบระยะยาวต่อสถานการณ์การท่องเที่ยวที่กำลังจะเข้าสู่ช่วง ไฮ-ซีซั่น ในปลายปีนี้ คงจะต้องรอให้ทางเจ้าหน้าที่สรุปสาเหตุของเหตุการร์ระเบิดก่อนว่าเกิดขึ้นจากประเด็นใด โดยคาดการณ์ว่า น่าจะเป็น 3 ประเด็น คือ 1. ประเด็นทางการเมือง 2 .ประเด็นการก่อการร้าย 3.ประเด็นอื่นๆ ซึ่งหากเป็นเรื่องของการเมือง คาดว่าจะมีผลกระทบในระยะเวลาไม่นานนัก และจะได้รับการคลี่คลายไปในทางที่ดี ซึ่ง นายอิทธิฤทธิ์ ยังกล่าวอีกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้นักท่องเที่ยวอย่าวิตกกังวลกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นมากนัก ควรทำตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด หากพบวัตถุต้องสงสัย ควรแจ้งเจ้าหน้าที่ให้ตรวจสอบโดยด่วน พร้อมทั้งติดตามข่าวสารจากสื่อหรือแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถืออย่างใกล้ชิด