นพ.กัมปนาท ตันสิถบุตรกุล อดีตแพทย์ผู้ตรวจรักษาของ นายสมคิด พุ่มพวง โพสต์ข้อความผ่าน เฟซบุ๊กส่วนตัว นพ.กัมปนาท ตันสิถบุตรกุล Kampanart Tansithabudhkun, M.D. ระบุข้อความว่า... เรียนสื่อมวลชนทุกท่าน ทั้งสื่อมวลชนที่รู้จัก และไม่รู้จักครับ ..... จากกรณีนายสมคิด พุ่มพวง ที่สื่อทางประเทศไทย และคนไทยกำลังให้ความสนใจแล้วก็ตื่นตระหนกกับคำว่า "ฆาตกรต่อเนื่อง" แล้วก็กลายเป็นข่าวดังในช่วงข้ามวันข้ามคืน กลายเป็นประเด็นที่ทุกคนสนใจแล้วก็จับเชื่อมโยงไปต่างๆนานา ในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมานี้มีสื่อพยายามโทรเข้ามาในมือถือของผมนับร้อยสายแต่ผมไม่สะดวกให้สัมภาษณ์เนื่องจากว่า ต้องปฏิบัติงานประจำคือตรวจคนไข้และไม่มีเวลามากพอที่จะให้สัมภาษณ์ มีเพียงบางเจ้าที่อดทนมารอจริงๆหรือบางเจ้าที่เราไว้ใจว่าจะไม่นำข้อมูลต่างๆของเราไปบิดเบือนให้เกิดความเข้าใจผิดในสังคม แต่มีสื่อบางเจ้าที่นำข้อมูลจากการสัมภาษณ์แล้วไปทำการตัดต่อโดยที่ไม่ได้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการให้สัมภาษณ์ดังนั้นจึงขอเรียนให้ทราบว่า ผมจะไม่ให้สัมภาษณ์สื่อใดๆทั้งสิ้นต่อไปเกี่ยวกับกรณีนี้นะครับ ... การวินิจฉัยว่า ฆาตกรคนไหนเป็นฆาตกรต่อเนื่องยังไม่เคยมีใครนิยามคำจำกัดความได้อย่างชัดเจนเลย มีแต่พูดบอกต่อๆกันไปโดยอ้างอิงข้อมูลเปรียบเทียบจากในภาพยนตร์ที่เคยดูมาเท่านั้น ... การพยายามพูดถึงคำว่าฆาตกรต่อเนื่องอาจจะมีประโยชน์สำหรับสื่อมวลชนคือทำให้ขายข่าวได้มากขึ้น... แต่ถามว่าเกิดผลเสียไหม อาจจะเกิดผลเสียได้ครับ.... ก็คือทำให้ประชาชนตื่นตระหนกแล้วก็หวาดกลัวกันมากจนเกินไป แต่ก็อาจจะได้ประโยชน์ในการช่วยติดตามตัวฆาตกรมาลงโทษบ้าง เพราะฉะนั้นการนำเสนอข้อมูลก็คงจะต้องมีความระมัดระวัง เสมือนดาบสองคม... ... เมื่อ 14 ปีก่อนผมเป็นแพทย์ผู้ตรวจรักษาของอาชญากรรายนี้ในที่ประชุม ของทีมนิติจิตเวชเราจะมีการรวบรวมข้อมูลอย่างละเอียดซึ่ง รวมถึงพฤติการณ์แห่งคดีที่เราได้มาจากการก่อคดีของผู้ต้องหา จากเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย แล้วเอามาประมวลผลกับการตรวจสอบต่างๆของทีมสหวิชาชีพเพื่อลงความเห็นแล้วตอบกลับไปให้กับกระบวนการยุติธรรม ... ดังนั้นข้อมูลต่างๆที่ละเอียดเหล่านั้นจะช่วยให้เราทราบถึงรูปแบบของการก่อคดีค่อนข้างละเอียดซึ่ง ข้อมูลเหล่านี้ไม่ได้มีการเปิดเผยออกสู่สาธารณชน ดังนั้นไม่แน่ใจว่าผู้ที่วินิจฉัยจากพฤติการณ์แห่งคดีเหล่านี้ว่าเป็น "ฆาตกรต่อเนื่อง" ... เอาข้อมูลทั้งหมด โดยละเอียดมาจากไหน แล้วเริ่มต้นจากนิยามอะไร??? ... ผมให้สัมภาษณ์กับสื่อได้แค่เพียงว่าผลการตรวจที่เรานำเสนอต่อศาลไปไม่ได้มีการวินิจฉัยว่าผู้ต้องหาหรืออาชญากรรายนี้มีความเจ็บป่วยทางจิตแต่เป็นเพียงผู้มีปัญหาสุขภาพจิตเรื่องการควบคุมอารมณ์ของตนเอง.... เวลาที่มีความโกรธเกิดขึ้นจะเสียการควบคุมตัวเอง แล้วลงมือทำร้ายเหยื่อจนเสียชีวิต... ซึ่งก็สอดคล้องกับพฤติการณ์แห่งคดีในลักษณะของ ผู้ต้องหาซึ่งไปใช้ชีวิตอยู่ในช่วงเวลาหนึ่งกับผู้เสียชีวิตแล้วเกิดมีปากเสียงทะเลาะเบาะแว้งกันแล้วทำร้ายร่างกายกันจนเสียชีวิตโดยไม่ได้มีลักษณะของการวางแผนเพื่อเจาะจงจะฆ่าบุคคลประเภทนี้หรือประเภทไหนเหมือนในภาพยนตร์ของต่างประเทศที่ทุกคนอ้างถึงกัน ... เรามักจะสับสนกับคำว่าการที่มีการฆาตกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยคิดว่าผู้ที่ก่อเหตุจะต้องเป็น "ฆาตกรต่อเนื่อง" หรือ serial murderer เสมอ ... ซึ่งไม่จริง... ... ยกตัวอย่างเช่นถ้าคุณเป็นนักการเมืองที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนต่างๆแล้ววันนึงมีคนมาขัดผลประโยชน์ของคุณ สัก 10 คนแล้วคุณก็จ้างวานฆ่าทีละคน 2 คน 3 คนจนครบ 10 คนอย่างต่อเนื่องอันนี้ก็ถือว่าเป็นอาชญากรที่เราเรียกว่า อาชญากรที่มีปัญหาทางด้านบุคลิกภาพเช่น Psychopathic disorder, Psychpathy หรือ Antisocial personality disorder ภาษาชาวบ้านเรียกว่า "สันดานโจร" แบบนี้ก็มีการฆาตกรรมอย่างต่อเนื่องแต่ก็ไม่ได้เรียกว่าเป็นฆาตกรต่อเนื่องมิใช่หรือ... ... การใช้วาทกรรมในการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนให้เกิดความตื่นเต้นหวือหวาน่าติดตามข่าว จะส่งผลเสียให้กับประชาชนคือการตื่นตระหนกแล้วก็หวาดระแวงกันถ้วนหน้า ราวกับว่าอาชญากรเป็นผีปอบค่อยไล่ทำร้ายประชาชนหรือคอยเอามีดไล่แทงประชาชนซึ่งในรายนี้ก็ไม่เหมือนเลย นอกจากนี้ผมยังให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนอีกว่าการจับฆาตกรที่คุณคิดว่าน่ากลัวได้แล้ว จะทำให้ทุกคนสบายใจแล้วก็ปลอดภัยขึ้น.... ซึ่งไม่เป็นความจริงครับ .... เพราะในชีวิตจริง เรามีคนที่มีลักษณะเป็นฆาตกรแบบนี้อยู่เยอะแยะมากมายซึ่ง อาจจะคาดไม่ถึง และอาจจะเป็นคนที่อยู่ใกล้ชิดรอบตัวคุณโดยที่คุณไม่ทันสังเกต แต่จริงๆแล้วก็มีวิธีการสังเกตและอาจไม่ยากนัก เช่น การให้เวลาในการคบหาสมาคมกับคนที่รู้จักแล้วศึกษานิสัยใจคอของเขา .... การไม่หลงในรูปลักษณ์ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาหรือคำพูดที่ดูมีเสน่ห์ของคนเหล่านั้น บางคนอาจจะดูมีเสน่ห์มากเกินไปจนทำให้เกิดความลุ่มหลงแล้วขาดสติ ที่เราเรียกว่า superficial charming คือมีเสน่ห์แบบฉาบฉวย... แต่ลึกๆแล้วก็คนที่มีนิสัยสันดานก้าวร้าวรุนแรง .... แล้ววันหนึ่งคนที่คุณใช้ชีวิตอยู่กับเขาก็ออกลายออกมาทำให้คุณเดือดร้อน โดยเฉพาะการแสดงความก้าวร้าวรุนแรงออกมาในรูปแบบต่างๆตามข่าวที่เราเห็นกันรายวัน ประเด็นนี้ไม่ค่อยมีสื่อเจ้าไหนที่ให้ความสำคัญในการนำเสนอเลยว่า.... จะทำตัวอย่างไรไม่ให้ตกเป็น"เหยื่อ" ของอาชญากรหรือฆาตกรเหล่านี้ เพราะมัวแต่ให้ความสนใจอยู่กับตัวฆาตกรจนวุ่นวายไปหมด จนเสียโอกาสและเสียความรู้ในการปกป้องตนเอง .... แสดงว่าสื่อบ้านเราไม่ได้ให้ความสำคัญกับประชาชนแต่ให้ความสำคัญกับการขายข่าวที่น่าตื่นเต้นของตัวเองมากกว่า ... แล้วปิดท้ายด้วยประเด็นที่อยากจะนำเสนอให้สังคมไทยได้รับทราบว่า... ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาที่มีทีมสหวิชาชีพของนิติจิตเวชหรือบรรดาจิตแพทย์ทั้งหลายที่พยายามให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องปัญหาสุขภาพจิตของการใช้ความรุนแรงในสังคมก็จะถูกตราหน้าว่าเข้าข้างผู้ต้องหาบ้าง รับสินบนจากผู้ต้องหาบ้าง แต่กรณีของนายสมคิด พุ่มพวงเราได้แสดงให้เห็นแล้วว่าเรามีหน้าที่เป็นแค่พยานของศาลในการนำเสนอข้อมูลต่างๆที่กระบวนการยุติธรรมมีความสงสัย หลังจากที่เราได้ตรวจอย่างละเอียดและผ่านการลงความเห็นจากทีมสหวิชาชีพแล้วก็ทำรายงานกลับไปยังกระบวนการยุติ​ธ​รร​มเแล้ว ถ้าผู้ต้องหาคนไหนไม่ป่วยทางจิตก็ต้องกลับไปรับโทษ อย่างเต็มที่ก็แค่นั้นเอง.... เราไม่เคยปกป้องผู้ต้องหาหรือรับสินบนใดๆจากผู้ต้องหาเลยแม้แต่นิดเดียว.... แต่สังคมไทยและสื่อหลายเจ้ามักจะเลือกนำเสนอในสิ่งที่ตัวเองต้องการนำเสนอ คือ ตั้งธงไว้แล้วและก็ตราหน้าด่าทอ คนที่นำเสนอข้อมูลที่แม้จะถูกต้องแต่ไม่ถูกใจตัวเอง... อยู่เสมอ... ... ไม่รู้เหมือนกันว่านักวิชาการท่านอื่นจะคิดยังไงแต่สำหรับตัวผมเองก็มองว่าถ้าเราต้องเสียสละเวลาของตัวเองแล้วแสดงเจตนารมณ์ที่ดีในการนำเสนอสิ่งที่ถูกต้องดีๆให้กับสังคม แต่หลายครั้งก็ถูกสื่อเอาไปบิดเบือนเพื่อตอบสนองความต้องการในการนำเสนอข่าวของตัวเอง รวมถึงคนที่ไม่ได้ต้องการข้อมูลที่ถูกต้องแต่ต้องการความถูกใจ ความสะใจและความมันในการนำเสนอข้อมูลแล้วเอาพวกเราไปด่าทอจนเสียๆหายๆ .... ถามว่าในอนาคตจะมีใครอยากจะให้ข้อมูลออกสู่สังคมบ้างแล้วเมื่อไหร่สังคมไทยจะได้เป็นสังคมที่"ประเทืองปัญญา" กับเขาบ้างหรือเราจะยังคงยินดีที่จะอยู่กับการเสพดราม่ากันไปทั้งชีวิต... เหรอครับ