เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่17 ธ.ค. ที่กรมป่าไม้ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม นำชาวบ้านที่ถูกเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้จับกุมดำเนินคดีทั่วประเทศ เข้าพบนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ เพื่อเรียกร้องให้ย้ายเจ้าหน้าที่ป่าไม้ปะเหลียน อ.ปะเหลียน จ.ตรัง พร้อมทั้งเรียกร้องให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และให้มีการรังวัดพื้นที่ของชาวบ้านใหม่ โดยมีนายจิระศักดิ์ ชูความดี รองอธิบดีกรมป่าไม้ นายธวัชชัย ลัดกรูด ผู้ตรวจราชการ นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ผอ.สำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า นายจุมพฏ ชอบธรรม ผอ.สำนักกฎหมาย เป็นผู้รับเรื่องและชี้แจงกับชาวบ้าน นายอัจฉริยะ กล่าวว่า เนื่องจากที่ผ่านมา มีการจับกุมดำเนินคดีกับชาวบ้านจำนวน 19 ราย ที่ถูกดำเนินคดีในเรื่องบุกรุกป่า โดยมีชาวบ้านอายุ70-80 ปี ถูกพิพากษาจำคุก2ราย ซึ่งทางกลุ่มชาวบ้านมีหลักฐานชัดเจนว่ามีนักการเมืองท้องถิ่น ตำรวจ และ จนท.ป่าไม้ กลั่นแกล้งยัดเยียดข้อกล่าวหา ชาวบ้านไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงเดินทางมาร้องเรียนในวันนี้ ซึ่งต่างจากคดีของ นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ที่บุกรุกป่าแต่กลับไม่ถูกดำเนินคดี นอกจากนี้ยังมีชาวบ้านในพื้นที่ภาคเหนือ ถูกดำเนินคดีในลักษณะเช่นเดียวกันกับชาวบ้านในจ.ตรัง จึงมาร้องขอความเป็นธรรมกับอธิบดีกรมป่าไม้เช่นเดียวกัน และอยากให้เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ไปรังวัดพื้นที่ใหม่ เพื่อให้ชาวบ้านใช้เป็นหลักฐานในการต่อสู้คดี นายสมควร ทองดี ลูกชายของนายไฉ ทองดี อายุ 72 ปี ผู้ต้องหาที่ถูกศาลฎีกาจังหวัดตรังพิพากษาจำคุก8 เดือน ปรับ5แสนบาท ฐานความผิดบุกรุกป่าพื้นที่ป่าสงวน47 ไร่ ทั้งที่มีที่ทำกินแค่6-7ไร่ ในพื้นที่ ม.6 ต.ท่าข้าม อ.ปะเหลียน จ.ตรัง เปิดเผยว่า เรื่องนี้ครอบครัวไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่ยอมรับในคำพิพากษาของศาล ซึ่งต่างจากคดีของน.ส.ปารีณา ที่ไม่ถูกดำเนินคดี จึงเข้ามาเรียกร้องขอความเป็นธรรม และเป็นห่วงพ่อที่อายุมากและตาบอด ซึ่งถูกคุมขังในเรือนจำ นอกจากนี้พ่อยังถูกดำเนินคดีอีก2 คดี ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณา นางวนิดา หวังชัย อายุ63 ปี กล่าวว่า นายวิโรจน์ หวังชัย อายุ 78 ปี สามีตนเอง ทำกินปลูกยางพารา 7 ไร่ อยู่ในพื้นที่ หมู่6ต.ท่าข้าม อ.ปะเหลียน จ.ตรัง แต่ถูกแจ้งความดำเนินคดี บุกรุกป่า 47 ไร่ ถูกศาลฎีกาิพากษาจำคุก 8 เดือนปรับ 5 แสนบาท สภ.ปะเหลียน ผู้ใหญ่สุรพล ทองดี บ้านทอนหาน หมู่6 นายสุธน หยังดี อายุ 48 ปี อาชีพรับจ้าง ชาวบ้านในพื้นที่ อ.ปะเหลียน จ.ตรัง กล่าวว่า ตนเองได้ถูกผู้ใหญ่บ้านรายหนึ่ง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ และพนักงานสอบสวนดำเนินคดี บุกรุกป่าสงวน 187 ไร่ ความเสียหาย 22 ล้านบาท ทั้งที่ตนเองไม่ได้มีพื้นที่ทำกินแม้แต่ผืนเดียว ต่อมาถูกศาลจังหวัดตรังออกหมายจับ ร่วมกับชาวบ้านคนอื่นๆ กว่า 10 ราย ซึ่งตนก็งงว่า ตนไม่มีที่ดินแล้วถูกกมายจับได้อย่างไร และตอนนี้ยังถูกดำเนินคดีในข้อหาบุกรุกป่าอีก 24 ไร่ จึงอยากขอความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ด้วย นายจิระศักดิ์ กล่าวว่า เบื้องต้น จะรับเรื่องทุกเรื่องที่ชาวบ้านมายื่นไว้ตรวจสอบทุกราย การตรวจสอบต่างกันและใช้ระยะเวลาต่างกัน ซึ่งบางเรื่องก็ยอมว่า ยากเหมือนกันในการพิจารณาตรวจสอบดำเนินคดี แต่เจ้าหน้าที่ยินดีจะไปรังวัดใหม่ให้ หากมีการร้องขอเข้ามา นายจิระศักดิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องที่ดินของ น.ส.ปารีณา อยู่ระหว่างรอคณะกรรมการกฤษฎีกา ตีความเพื่อให้ได้ข้อยุติในการดำเนินคดีกรณีครอบครองที่ดิน นอกจากนี้เรื่องที่ดินอีกประมาณ 1,700 ไร่นั้นก็ยังไม่ทราบตำแหน่งที่ตั้งว่าอยู่ตรงไหน ต่อมาเวลา 13.00 น. ที่ บก.ปทส. นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม นำเอกสารหลักฐานมอบให้ พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ ผบก.ปทส. เรียกร้องให้ดำเนินคดีกับข้าราชการหลายหน่วยงานในพื้นที่จังหวัดราชบุรี ในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 กรณีนางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ที่เข้าไปรุกล้ำทำสิ่งปลูกสร้างภายในพื้นที่ส.ป.ก. 64 ไร่ โดยมีหลักฐานชัดเจน นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ในส่วนของคดี น.ส.ปารีณา วันนี้เดินทางมาแจ้งความเอาผิดกับทางเจ้าหน้าที่ อบต.รางบัว ออกบ้านเลขที่ให้ฟาร์มไก่ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจอมบึงที่มีการตั้งเสาไฟฟ้าเข้าไปในพื้นที่ฟาร์มไก่ เจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ ที่มีการปล่อยให้มีการก่อสร้างโรงเรือนโดยหน่วยงานรัฐเป็นคนออกใบอนุญาต เจ้าหน้าที่สปก.ราชบุรี ที่เพิกเฉยทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเป็นที่ สปก. และเจ้าหน้าที่ป่าไม้ราชบุรี โดยถือว่าสนับสนุนและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 นายอัจฉริยะ กล่าวต่อว่า โดยที่ผ่านมาหน่วยงานรัฐยังเพิกเฉย และตั้งคำถามกับกรมการปกครองว่ามีการออกบ้านเลขที่ได้อย่างไร จึงขอให้ตำรวจป่าไม้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริงเอาผิดกับข้าราชการทุกคน ที่เกี่ยวข้องว่าใครเป็นคนอนุญาต ให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย ทั้งนี้ยืนยันว่าการแจ้งความดำเนินคดีกับบุคคลดังกล่าวในวันนี้ ไม่ได้เป็นการแจ้งความซ้ำซ้อนกับพื้นที่ราชบุรี ที่มีนายวีระ สมความคิด แจ้งความดำเนินคดี เป็นคนละส่วนกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอัจฉริยะยังได้ยื่นหลักฐานเอกสารให้ตรวจสอบกรณี 5 สนช. ประกอบด้วย นายประมุท สูตะบุตร นายวันชัย ศารทูลทัต พล.ท.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ พล.ร.ท.สนธยา น้อยฉายา และศ.ดร.นิสดารก์ เวชยานนท์ ที่ครอบครองที่ดิน ภ.บ.ท.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ว่าได้มาโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ นอกจากนี้ยังขอให้ตรวจสอบ ตระกูล จึงรุ่งเรืองกิจ ที่มีการสร้างสนามกอล์ฟรุกล้ำพื้นที่คลองสาธารณะ ในพื้นที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวมีโฉนดถูกต้องตามกฎหมายแต่มีการครอบครองคลองน้ำสาธารณะอยู่ในพื้นที่สนามกอล์ฟโดยผิดกฎหมาย โดยพื้นที่ดังกล่าว มีการปลูกสิ่งก่อสร้างและทำธุรกิจมาเป็นเวลานาน และตรวจสอบนายทุน ที่ได้บุกรุกพื้นที่ดอยแม่สลอง จ.เชียงราย กับนายทุนเจ้าของฟาร์ม ต.นครเจดีย์ อ.ป่าซาง จ.นครปฐม