เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 16 ธ.ค. 62 ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ณัฐวัฒน์ การดี ผบก.ตม.4 , พ.ต.อ.พิชญ์วุฒิ สงวนสมบัติศิริ รอง ผบก.ตม.4 , พ.ต.อ.ชัยยศ วรักษ์จุนเกียรติ รอง ผบก.ตม.4, ผกก.สส.บก.ตม.4 และ สวญ.ตม.จว.ขอนแก่น ร่วมแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาค้ามนุษย์ การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อเวลา 23.50 น.วันที่ 21 พ.ย.62 ตำรวจ กก.สส.บก.ตม.4 ร่วมกับ ตม.จว.ขอนแก่น ได้ร่วมจับกุมตัว น.ส.วันเพ็ญ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 44 ปี ดำเนินคดีในข้อหา “ค้ามนุษย์โดยแสวงหาประโยชน์ทางเพศในรูปแบบอย่างอื่น และจากการค้าประเวณีบุคคลอายุกว่า 15 ปี แต่ไม่ถึง 18 ปี,เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือชักพาไปซึ่งบุคคลใดเพื่อให้บุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณี แม้บุคคลนั้นจะยินยอมด้วยก็ตาม โดยกระทำแก่บุคคลอายุกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี,ชักจูงส่งเสริมหรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควรหรือน่าจะทำให้เด็กมีความประพฤติเสี่ยงต่อการกระทำความผิดและประกอบสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต” พฤติการณ์คือก่อนจับกุมคดีนี้เจ้าหน้าที่ได้จับกุมดำเนินคดีกับผู้ต้องหาต่างชาติชาวญี่ปุ่น ในข้อหาพรากและพาผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจาร ฯ จากข้อมูลการสืบสวนสอบสวนทราบว่ามีการนำพาเด็กมาจากร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น จึงได้ทำการขยายผลสืบสวนจนทราบว่าร้านดังกล่าวคือร้านชมเดือนคาราโอเกะเปิดเป็นสถานบริการมีการจำหน่ายอาหารเครื่องดื่ม คาราโอเกะ และมีพนักงานภายในร้านเป็นผู้หญิงอายุต่ำกว่า 18 ปี คอยให้บริการซึ่งลูกค้าที่มาใช้บริการสามารถโอบ กอด จูบ แตะเนื้อต้องตัว และมีการขายบริการทางเพศให้กับลูกค้า โดยมีการแบ่งเงินบางส่วนให้กับผู้ต้องหาซึ่งเป็นเจ้าของร้าน หลังจากมีข้อมูลแน่ชัดเป็นที่เชื่อได้ว่าร้านชมเดือนคาราโอเกะ มีการแอบแฝงกระทำความผิดเกี่ยวกับเพศและการค้ามนุษย์ จึงได้วางแผนให้สายลับทำการล่อซื้อโดยถ่ายธนบัตรลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ต่อมาตามวันเวลาเกิดเหตุสายลับได้เข้าไปใช้บริการภายในร้านและเรียกตัว น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี มาให้บริการนั่งดริ้งพูดคุย โดย น.ส.เอ ได้ขอดริ้งเครื่องดื่มสปายจากสายลับ ราคาดริ้งละ 150 บาท (ทางร้านจะได้ 90 บาท พนักงานจะได้ 60 บาท) ในระหว่างพูดคุย น.ส.เอ ยินยอมสมัครใจให้สายลับกอด จูบแตะเนื้อต้องตัวได้ จากนั้นสายลับได้ขอซื้อบริการทางเพศ ในราคา 2,500 บาท น.ส.เอ ตกลง โดยบอกว่า จะต้องแบ่งให้กับผู้ต้องหาเจ้าของร้าน 500 บาท หลังจากตกลงกัน น.ส.เอ ได้ไปพูดคุยกับผู้ต้องหาเจ้าของร้าน แล้วจึงเดินทางไปที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่บริเวณใกล้เคียงระหว่างอยู่ในห้องของโรงแรม สายลับได้มอบเงินธนบัตรที่ได้ถ่ายสำเนาลงบันทึกประจำวันไว้แล้ว มอบให้กับ น.ส.เอ จนกระทั่ง น.ส.เอ มอบเงินส่วนแบ่งให้กับ น.ส.วันเพ็ญ แล้ว จึงได้ส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่แสดงตัว เข้าตรวจจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางธนบัตรที่ใช้ในการล่อซื้อ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป