ศาลนัดตรวจหลักฐาน 3 หนุ่มใต้ บึ้ม!ป่วนกรุง อัยการสั่งฟ้อง รวม 11 ข้อหา ฐานก่อการร้าย-อั้งยี่-ซ่องโจร หลังร่วมกันก่อเหตุวางระเบิดป้าย สตช.-สนง.ปลัด กห.-ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ
วันนี้ (16 ธ.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้เบิกตัว นายลูไอ แซแง, นายวิลดัน มาหะ และนายมูฮัมมัด อิลฮัม จำเลยในคดีบึ้ม!ป่วนกรุง จากเรือนจำชั่วคราวหลักสี่ มายังศาลอาญา หลังศาลนัดตรวจหลักฐานในคดีดำ อ.2913/62 ที่ พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายลูไอ แซแง อายุ 22 ปี เป็นจำเลยที่ 1, นายวิลดัน มาหะ อายุ 27 ปี จำเลยที่ 2 และนายมูฮัมมัดอิลฮัม สะอิ อายุ 27 ปี จำเลยที่ 3 ในความผิดฐาน "ร่วมกันก่อการร้ายใช้กำลังประทุษร้ายโดยก่อให้เกิดอันตราย อั้งยี่ซ่องโจร ฯลฯ" จากกรณีพวกจำเลยกับพวกที่ยังหลบหนีร่วมกันลอบวางวัตถุระเบิดตามสถานที่ต่าง ๆ ใน กทม. และจังหวัดใกล้เคียง ที่ห้องพิจารณา 813 ในเวลา 10.00 น. ขณะนี้อยู่ระหว่างรอการพิจารณาของศาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายลูไอ แซแง, นายวิลดัน มาหะ และ นายมูฮัมมัดอิลฮัม สะอิ เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดรวม 11 ข้อหา ฐานร่วมกันก่อการร้ายโดยใช้กำลังประทุษร้ายฯ โดยมีความมุ่งหมายสร้างความปั่นป่วนโดยให้เกิดความหวาดกลัวในหมู่ประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 135/1, อั้งยี่ ตามมาตรา 209, ซ่องโจร มาตรา 210, ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ตามมาตรา 288, 289 (4), ร่วมกันพยายามกระทำให้เกิดระเบิดจนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์ของผู้อื่น และร่วมกันกระทำให้เกิดระเบิดจนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์ของผู้อื่น ตามมาตรา 221, 222, ร่วมกระทำให้เกิดระเบิดเป็นเหตุให้บุคคลอื่นรับอันตรายสาหัส ตามมาตรา 224 วรรคสอง, ร่วมกันกระทำให้เกิดระเบิดจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่ทรัพย์ของผู้อื่นและโรงเรือนอันเป็นที่เก็บสินค้า ตามมาตรา 221, 222 ประกอบมาตรา 217, 218 , พาอาวุธ (ระเบิด) ไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันสมควร ตามมาตรา 371, ร่วมกันทำ ใช้ มีไว้ซึ่งวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ มาตรา 4, 38, 55, 78 และมียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ.2530 มาตรา 4, 5, 15, 42
โดยระบุพฤติการณ์สรุปว่า ระหว่างวันที่ 31 ก.ค.-1 ส.ค.2562 จำเลยทั้งสามกับพวกอีก 18 คนที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง มีพฤติการณ์สมคบเป็นอั้งยี่-ซ่องโจร เข้าเป็นสมาชิกคณะบุคคลที่ปกปิดวิธีดำเนินการเพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง โดยสมคบร่วมกันใช้กำลังประทุษร้าย พยายามฆ่าหรือฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เหตุเกิดที่ประเทศมาเลเซีย, อ.ตากใบ จ.นราธิวาส และแขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ เกี่ยวพันกัน และระหว่างวันที่ 1-2 ส.ค. 2562 เวลากลางวัน จำเลยทั้งสามกับพวกร่วมกันทำและมีวัตถุระเบิดแสวงเครื่อง-ระเบิดเพลิงแสวงเครื่อง 7 ลูกที่ประกอบระบบไฟฟ้า ใช้วงจรเวลาจุดระเบิด ประกอบวัตถุระเบิดชนิด PETN ใส่ในกระป๋องมันฝรั่งและกล่องน้ำผลไม้ มีโลหะลูกปรายหรือลูกเหล็กกลมเป็นสะเก็ดระเบิดซึ่งไม่มีใช้ในราชการ รัศมีอันตราย 10-15 เมตรจากจุดระเบิด ซึ่งพวกจำเลยแยกย้ายแบ่งหน้าที่กันทำนำวัตถุระเบิดนั้นไปวางตามสถานที่ราชการ-ทางสาธารณะที่มีผู้สัญจรไปมา รวมทั้งอาคารห้างสรรพสินค้าในเขตท้องที่ กทม.และนนทบุรี โดยวันที่ 1 ส.ค.2562 พวกจำเลยนำระเบิด 2 ลูก ไปที่ ถ.พระรามที่ 1 หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่ไม่บรรลุผลการระเบิดเนื่องจากมีบุคคลพบเห็นแล้วแจ้งเหตุให้เจ้าพนักงานเก็บกู้ได้ทัน
ขณะเดียวกัน ระหว่างวันที่ 1-2 ส.ค.2562 เวลากลางวัน จำเลยกับพวกนำระเบิดไปวางไว้ที่หน้าป้ายชื่อสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม จนทำให้เกิดระเบิดขึ้น และยังนำระเบิด 4 ลูกไปที่ถนนศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ อาคาร B รัฐประศาสนภักดี และด้านหน้ารั้ว อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย นอกจากนี้ยังได้ทำการก่อการร้ายแบบนี้ทั้งหมด 47 ครั้ง เหตุเกิดที่แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ, แขวงทุ่งสองห้อง เขตแจ้งวัฒนะ กทม., ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจยึดของกลางได้ ระหว่างวันที่ 2-10 ส.ค.2562 และจับกุมจำเลยทั้งสามได้วันที่ 13 ส.ค., 2 ก.ย.2562 ชั้นสอบสวนทั้งสามให้การปฏิเสธ
สำหรับผู้ต้องหาในคดีนี้มีทั้งหมด 21 คน ซึ่งในชั้นส่งสำนวนให้อัยการยังไม่ได้ตัวผู้ต้องหามาส่งให้อัยการ อีก 18 คน คือผู้ต้องหาที่ 3-20 ที่หลบหนีออกนอกประเทศ โดยพนักงานสอบสวนได้ขอศาลอาญาออกหมายจับไว้แล้ว ตั้งแต่วันที่ 17-18 ก.ย.2562 ซึ่งคดีมีอายุความในการติดตามตัวมาดำเนินคดีภายใน 20 ปี ขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการติดตามตัวตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยผู้ต้องหาทั้งหมดมีภูมิลำเนากลุ่ม 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบด้วย นายอุสมัน ลาเตะ ผู้ต้องหาที่ 3, นายฮาซัน อาแว ผู้ต้องหาที่ 4, นายนัสรู มะประสิทธิ์ ผู้ต้องหาที่ 5, นายฮาแซ แบเล๊าะ ผู้ต้องหาที่ 6, นายมะยูโซะ หะยีสามะ ผู้ต้องหาที่ 7, นายฮากีม ปุนยัง ผู้ต้องหาที่ 8, นายอัสมี อาบูวะ ผู้ต้องหาที่ 9, นายอุสมาน เปาะลอ ผู้ต้องหาที่ 10, นายอัมรี มะมิง ผู้ต้องหาที่ 11, นายศรัทธา อาแว ผู้ต้องหาที่ 12, นายอุสมาน เจ๊ะเต๊ะ ผู้ต้องหาที่ 13, นายสุกรี ดือรามัน ผู้ต้องหาที่ 14, นายมะยากี มะลาชิง ผู้ต้องหาที่ 15, นายมะนูเด็น สามะ ผู้ต้องหาที่ 16, นายมูฮำมัดอาดีลัน สาและ ผู้ต้องหาที่ 17, นายอารีฟ มะเซ็ง ผู้ต้องหาที่ 18, นายซุลกิฟลี มะสาแมง ผู้ต้องหาที่ 19 และนายรอแปะอิง อุเซ็ง ผู้ต้องหาที่ 20.
โดยระบุพฤติการณ์สรุปว่า ระหว่างวันที่ 31 ก.ค.-1 ส.ค.2562 จำเลยทั้งสามกับพวกอีก 18 คนที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง มีพฤติการณ์สมคบเป็นอั้งยี่-ซ่องโจร เข้าเป็นสมาชิกคณะบุคคลที่ปกปิดวิธีดำเนินการเพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง โดยสมคบร่วมกันใช้กำลังประทุษร้าย พยายามฆ่าหรือฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เหตุเกิดที่ประเทศมาเลเซีย, อ.ตากใบ จ.นราธิวาส และแขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ เกี่ยวพันกัน และระหว่างวันที่ 1-2 ส.ค. 2562 เวลากลางวัน จำเลยทั้งสามกับพวกร่วมกันทำและมีวัตถุระเบิดแสวงเครื่อง-ระเบิดเพลิงแสวงเครื่อง 7 ลูกที่ประกอบระบบไฟฟ้า ใช้วงจรเวลาจุดระเบิด ประกอบวัตถุระเบิดชนิด PETN ใส่ในกระป๋องมันฝรั่งและกล่องน้ำผลไม้ มีโลหะลูกปรายหรือลูกเหล็กกลมเป็นสะเก็ดระเบิดซึ่งไม่มีใช้ในราชการ รัศมีอันตราย 10-15 เมตรจากจุดระเบิด ซึ่งพวกจำเลยแยกย้ายแบ่งหน้าที่กันทำนำวัตถุระเบิดนั้นไปวางตามสถานที่ราชการ-ทางสาธารณะที่มีผู้สัญจรไปมา รวมทั้งอาคารห้างสรรพสินค้าในเขตท้องที่ กทม.และนนทบุรี โดยวันที่ 1 ส.ค.2562 พวกจำเลยนำระเบิด 2 ลูก ไปที่ ถ.พระรามที่ 1 หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่ไม่บรรลุผลการระเบิดเนื่องจากมีบุคคลพบเห็นแล้วแจ้งเหตุให้เจ้าพนักงานเก็บกู้ได้ทัน
ขณะเดียวกัน ระหว่างวันที่ 1-2 ส.ค.2562 เวลากลางวัน จำเลยกับพวกนำระเบิดไปวางไว้ที่หน้าป้ายชื่อสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม จนทำให้เกิดระเบิดขึ้น และยังนำระเบิด 4 ลูกไปที่ถนนศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ อาคาร B รัฐประศาสนภักดี และด้านหน้ารั้ว อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย นอกจากนี้ยังได้ทำการก่อการร้ายแบบนี้ทั้งหมด 47 ครั้ง เหตุเกิดที่แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ, แขวงทุ่งสองห้อง เขตแจ้งวัฒนะ กทม., ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจยึดของกลางได้ ระหว่างวันที่ 2-10 ส.ค.2562 และจับกุมจำเลยทั้งสามได้วันที่ 13 ส.ค., 2 ก.ย.2562 ชั้นสอบสวนทั้งสามให้การปฏิเสธ
สำหรับผู้ต้องหาในคดีนี้มีทั้งหมด 21 คน ซึ่งในชั้นส่งสำนวนให้อัยการยังไม่ได้ตัวผู้ต้องหามาส่งให้อัยการ อีก 18 คน คือผู้ต้องหาที่ 3-20 ที่หลบหนีออกนอกประเทศ โดยพนักงานสอบสวนได้ขอศาลอาญาออกหมายจับไว้แล้ว ตั้งแต่วันที่ 17-18 ก.ย.2562 ซึ่งคดีมีอายุความในการติดตามตัวมาดำเนินคดีภายใน 20 ปี ขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการติดตามตัวตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยผู้ต้องหาทั้งหมดมีภูมิลำเนากลุ่ม 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบด้วย นายอุสมัน ลาเตะ ผู้ต้องหาที่ 3, นายฮาซัน อาแว ผู้ต้องหาที่ 4, นายนัสรู มะประสิทธิ์ ผู้ต้องหาที่ 5, นายฮาแซ แบเล๊าะ ผู้ต้องหาที่ 6, นายมะยูโซะ หะยีสามะ ผู้ต้องหาที่ 7, นายฮากีม ปุนยัง ผู้ต้องหาที่ 8, นายอัสมี อาบูวะ ผู้ต้องหาที่ 9, นายอุสมาน เปาะลอ ผู้ต้องหาที่ 10, นายอัมรี มะมิง ผู้ต้องหาที่ 11, นายศรัทธา อาแว ผู้ต้องหาที่ 12, นายอุสมาน เจ๊ะเต๊ะ ผู้ต้องหาที่ 13, นายสุกรี ดือรามัน ผู้ต้องหาที่ 14, นายมะยากี มะลาชิง ผู้ต้องหาที่ 15, นายมะนูเด็น สามะ ผู้ต้องหาที่ 16, นายมูฮำมัดอาดีลัน สาและ ผู้ต้องหาที่ 17, นายอารีฟ มะเซ็ง ผู้ต้องหาที่ 18, นายซุลกิฟลี มะสาแมง ผู้ต้องหาที่ 19 และนายรอแปะอิง อุเซ็ง ผู้ต้องหาที่ 20.