บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ในสัปดาห์นี้ (วันที่ 16- 20 ธันวาคม 2562) บรรยากาศตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาการซื้อขายมีความผันผวน โดยในช่วงต้นสัปดาห์ตลาดหุ้นไทยปิดในแดนลบ และมาขยับปิดในแดนบวกในช่วงปลายสัปดาห์ เนื่องจากมีปัจจัยสำคัญมาจากการที่มีข่าวสหรัฐและจีนสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรก ทำให้การเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนรอบใหม่ตามกำหนดเส้นตายวันที่ 15 ธ.ค. เลื่อนออกไป นักลงทุนเข้าสู่โหมดการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น โดยเข้าซื้อหุ้นบิ๊กแคป อย่างกลุ่มน้ำมัน, อิเล็คทรอนิกส์ และแบงก์ เป็นต้น ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม คงได้แก่ การประชุมนโยบายการเงินของกนง. (18 ธ.ค.) สถานการณ์การค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน รวมถึงประเด็น Brexit ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/62 (final) ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้าน ยอดขายบ้านมือสอง รายได้และรายจ่ายส่วนบุคคลเดือนพ.ย. และดัชนี PMI Composite (เบื้องต้น) เดือนธ.ค. ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น ดัชนี PMI Composite (เบื้องต้น) เดือนธ.ค.ของญี่ปุ่นและยูโรโซน รวมถึงผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและยอดค้าปลีกเดือนพ.ย.ของจีน ขณะที่ปัจจัยในบ้านเราการเมืองยังเป็นเรื่องสำคัญที่นักลงทุนจับตามองถึงสถานการณ์การเมืองที่ยังวุ่นวายโดยเฉพาะในวันที่ 14 ธ.ค.ที่ผ่ามา นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ได้นัดกลุ่มผู้สนับสนุนออกมารวมตัวชุมนุมเพื่อแสดงออกทางการเมือง ซึ่งก็มีผู้สนับสนุนออกมารวมกันกันเป็นจำนวนมาก และก็สามารถจบลงด้วยดี ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,550 และ 1,525 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,585 และ 1,600 จุด ตามลำดับ ส่วนประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 30.10-30.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยในประเทศที่ตลาดรอติดตาม คือ ผลการประชุมนโยบายการเงินกนง. (18 ธ.ค.) ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญ ได้แก่ สถานการณ์ระหว่างสหรัฐฯ-จีน ผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่นและธนาคารกลางอังกฤษ ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ผลสำรวจกิจกรรมภาคการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์ก ผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจของเฟดสาขาฟิลาเดลเฟีย ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนธ.ค. ข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรม การเริ่มสร้างบ้าน ยอดขายบ้านมือสอง รายได้/รายจ่ายส่วนบุคคล และ Core PCE Price Index เดือนพ.ย. รวมถึงตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/62 (final) นอกจากนี้ ตลาดอาจรอติดตามตัวเลขเศรษฐกิจเดือนพ.ย. ของจีน และดัชนี PMI เดือนธ.ค. (เบื้องต้น) ของหลายๆ ประเทศชั้นนำด้วยเช่นกัน