"น้องต่อ" นักเรียนชายชั้น ม.3 ต้องหยุดเรียนมาจัดงานศพให้กับพี่สาวซึ่งเป็นเสาหลักของครอบครัว ที่เสียชีวิตด้วยอาการไตวาย ขณะที่ พ่อป่วยเป็นมะเร็งเบาหวาน นอนติดเตียงข้างโลงศพลูกสาว วอนสังคมช่วยเหลือ เมื่อเวลา 16.30 น.วันที่ 12 ธ.ค.2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าโลกโซเชียลมีเดียและเพจต่างๆทั่วทั้ง จ.ขอนแก่น ได้มีการเผยแพร่ภาพและข้อความแจ้งข่าวขอความช่วยเหลือ ด.ช.วัชรพงษ์ ดวงเกวียน หรือน้องต่อ อายุ 15 ปี นักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนบ้านไผ่ ซึ่งพักอาศัยอยู่บ้านเลขที่ 68 ม.1 บ้านโนนแดง ต.โนนแดง อ.โนนศิลา จ.ขอนแก่น ที่ได้ตัดสินใจลาโรงเรียนมาเพื่อจัดงานศพให้กับพี่สาว ที่เพิ่งเสียชีวิต ด้วยอาการไตวาย พร้อมทั้งดูแลพ่อที่ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย เป็นผู้ป่วยติดเตียงอยู่ในบ้าน โดยครอบครัวกำหนดจัดพิธีฌาปนกิจศพพี่สาวน้องต่อในวันเสาร์ที่จะถึงนี้ที่วัดประจำหมู่บ้าน ในเวลาต่อมาผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงที่บ้านหลังดังกล่าว โดยพบว่ามีเพื่อนบ้านมาช่วยจัดงานศพของ น.ส. ธิดารัตน์ ดวงเกวียน อายุ 26 ปี พี่สาวของน้องต่อ อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ภายในบ้านมีการตั้งบำเพ็ญกุศลศพ น.ส.ธิดารัตน์ อยู่บริเวณกลางบ้าน โดยมี นายสมาน ดวงเกวียน อายุ 65 ปี พ่อ และ นางบุญยืน ดวงเกวียน อายุ 55 ปี แม่ นอนอยู่ใกล้ๆโลงศพ และมีน้องต่อคอยดูแลคนในครอบครัวอยู่อย่างขมักเขม้น น้องต่อ บอกว่า พ่อป่วยมานานกว่า 10 ปีแล้ว จนกระทั่งช่วงกลางปี ที่ผ่านมา พ่อมีร่างกายอ่อนแรง ไปตรวจที่โรงพยาบาลพบก้อนเนื้อที่ไต โดยแพทย์ระบุว่าเป็นมะเร็งที่ไตระยะสุดท้าย ไม่มีทางรักษาให้หายได้ มีเพียงยาให้รับประทาน ประคับประคองอาการเท่านั้น พ่อรักษาตัวในโรงพยาบาลนานนับเดือน จึงกลับมาอยู่บ้าน และกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง มาเป็นเวลากว่า3 เดือนแล้ว ขณะที่แม่ ป่วยเป็นโรคเบาหวานและความดันมานาน ทั้งยังเป็นโรคกระดูกทับเส้น ไม่มีเรี่ยวแรงมา 10 กว่าปี แต่ยังพอช่วยเหลือตัวเองได้ แต่แล้วเมื่อเดือนตุลาคม ที่ผ่านมา ร่างกายแม่ได้อ่อนแรงลง และช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ไปพบแพทย์ก็ทราบว่า เป็นผลข้างเคียงของโรคประจำตัว ลาสุดเป็นแผลที่นิ้วชี้ของเท้าข้างซ้าย แต่รักษาไม่หาย เพราะเป็นอาการแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน แพทย์จึงตัดนิ้วเท้าออก " ทุกวันคุณพ่อและคุณแม่ ต้องนอนข้างๆกัน ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน และหวังว่าจะมีคนมาช่วยเหลือครอบครัวบ้าง เพราะตอนนี้ครอบครัว เป็นหนี้ ธกส.จำนวนแสนกว่าบาท หนี้กองทุนหมู่บ้าน70,000บาท หนี้กองทุนเงินล้าน 50,000บาท หนี้กองทุนประชารัฐ 50,000 บาท หนี้สหกรณ์โนนศิลา 60,000บาท รวมแล้วกว่าสามแสนบาท" น้องต่อ บอกต่ออีกว่า ครอบครัวมีพี่น้องร่วมกัน 3 คน โดยที่พี่ชายคนโตไม่เคยอยู่บ้าน พี่สาวที่เพิ่งเสียชีวิต ทำงานเป็นลูกจ้างในร้านขายรองเท้า เป็นเสาหลักหาเลี้ยงครอบครัวมาตลอด แต่ด้วยกรรมพันธุ์จากพ่อแม่ ทำให้พี่สาวป่วยเป็นโรคเบาหวานตั้งแต่อายุ 15 ปี แต่พี่สาวก็ไปพบแพทย์รับยาและ รักษาตัวเองดีมาโดยตลอด กระทั่งช่วงอายุ 24-25ปี เป็นช่วงเวลาที่พ่อแม่ ป่วยหนัก สุขภาพพี่สาวก็เริ่มแย่ เมื่อไปพบแพทย์ก็พบว่าพี่สาวไตวายแล้ว ต้องรักษาด้วยการฟอกไต ซึ่งครอบครัวไม่มีเงินพอที่จะช่วยพี่สาวกระทั่งกลางปีที่ผ่านมาครอบครัวเกิดการวิกฤติหนัก แม่ล้มป่วย พ่อเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย พี่สาวไม่ได้ไปรับยามากิน ไม่ได้ฟอกไต เพราะต้องดูแลพอแม่ ทำให้ร่างกายพี่สาวทรุดหนักจึงพาพี่สาวส่งรพ.และมีการส่งต่อไปยังรพ.ต่างๆ ซึ่งแพทย์ยืนยันว่าพี่สาวจะต้องฟอกไต แม้จะไม่หายขาดแต่ก็จะช่วยให้พี่สาว มีอายุอยู่ได้อีกหลายปี แต่ต้องใช้เงินประมาณ 80,000 บาท แต่ในบัญชีมีเงินที่รับบริจาค จากพี่บิณ บันลือฤทธิ์จำนวน 15,000บาท ผู้ใจดีอีก 15,000บาท มีเงินเพียง 30,000บาท ไม่ถึง 80,000บาท จึงไม่สามารถช่วยพี่สาวได้ ในที่สุดพี่สาวก็เสียชีวิตด้วยอาการไตวายที่โรงยาบาลเมื่อช่วงเช้ามืดวันที่ 11 ธันวาคม ที่ผ่านมา " ช่วง 1-2 ปีนี้ ผมลาโรงเรียนบ่อยมาก เพราะต้องดูแลพ่อแม่ที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง ล่าสุดพี่สาวเสียชีวิต ก็ลาโรงเรียนอีกครั้งเพื่อจัดงานศพให้พี่สาว แต่ก็ยังดีที่ว่า ตลอดระยะเวลาที่ครอบครัวตกอยู่ในสภาพแย่ ป่วยทั้งบ้าน ยังมีป้า ซึ่งเป็นพี่สาวของพ่อ มาคอยดูแลพ่อแม่ที่บ้านให้ เพราะผมต้องหาเวลาไปเรียนหนังสือ เพราะตั้งใจจะเรียนเป็นแพทย์ให้ได้ เพราะต้องการช่วยเหลือคน โดยเฉพาะผู้ป่วยที่เสี่ยงในการที่จะป่วยเป็นโรคเบาหวานเช่นเดียวกับพ่อ-แม่ และพี่สาวของผม" ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าจากการลงพื้นที่พูดคุยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นบรรยากาศโดยทั่วไปเป็นไปอย่างเศร้าสลดทั้งนี้หากผู้มีจิตศรัทธา ต้องการช่วยเหลือครอบครัวน้องต่อ สามารถบริจาคเงินได้โดยตรงกับนายวัชรพงษ์ ดวงเกวียน หมายเลขบัญชี020095977342 ธนาคารออมสิน สาขาบ้านไผ่ และบริจาคสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นต่างๆโดยประสานงานกับน้องต่อโดยตรงที่หมายเลข 063-817-0121