"เพื่อไทย" จี้ สปก.-กรมป่าไม้ เอาผิด"ปารีณา" ซัดพวกไม่เกี่ยวข้องหยุดชี้นำ บี้ รัฐแจงข้อมูลทหารที่ "ทวี" อ้าง ซื้อที่ต่อ บอก สังคมตั้งคำถามว่าทวงป่ามาให้นักการเมืองหรือไม่ วันที่ 9 ธ.ค. 2562 ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคพท. พร้อมด้วยนายชุมสาย ศรียาภัยรองโฆษกฯ โดยนายอนุสรณ์ กล่าวถึงกรณีที่น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)ครอบครองพื้นที่สปก. นั้นว่า เราเคยหวังสปก.เราหวังกรมป่าไม้ แต่เวลานี้คิดว่า คงหวังไม่ได้ ถามว่าถ้าน.ส.ปารีณาไม่ได้สังกัดพรรคพปชร. ไม่มีภาพกอดพล.อ.ประยุทธ์ จะรอดหรือไม่ วันนี้ภาพออกมาเหมือนเตี้ยอุ้มค่อม สภาพคนอุ้มป่วย คนถูกช่วยก็ไม่สบาย ดังนั้นขอให้หยุดพฤติกรรมนี้ วันนี้ประชาชนยังรอดูการบังคับใช้กฎหมายของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง รัฐบาลมาแล้วไป แต่หน่วยงานรัฐขอให้บังคับใช้อย่างตรงไปตรงมา ขอให้ทำงานดำรงไว้ซึ่งศักดิ์ศรี ส่วนกรณีที่นายทวี ไกรคุปต์ พ่อน.ส.ปารีณาบอกว่า ซื้อที่ต่อจากทหารนั้น ที่ผ่านมามีข่าวว่า มีทหารนโยบายทวงคืนผืนป่า อยากรู้ว่าทวงคืนผืนป่าเพื่อเอามาให้นักการเมือง หรือผู้ที่มีอำนาจรัฐหรือไม่ ประชาชนตั้งคำถามว่า กลายเป็นทหารรุกป่าหรือไม่ “ วันนี้เราไม่คาดหวังรัฐบาล พรรคพปชร. แต่เราคาดหวังกรมป่าไม้ และสปก. ที่จะทำหน้าที่ ขอผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องอย่าออกมาชี้นำข้าราชการจนเกินควร นายธรรมนัสเป็นใคร ไม่ใช่ศาล ไม่ใช่คนบังคับใช้กฎหมาย ดังนั้น ใครไม่เกี่ยวถอยไป และนายทหารที่นายทวีบอกว่าไปซื้อที่ต่อมานั้น เป็นนายทหารที่มีชื่อตามที่เป็นข่าวหรือไม่ ต้องให้ข้อมูลมาไม่เช่นนั้นก็จะมีคำถามว่าเรามีทหารไว้รุกป่า” นายอนุสรณ์ กล่าว ด้านนายชุมสาย กล่าวว่า ทางพรรคพท.ตั้งข้อสังเกตว่ากรณีนี้มีเรื่องที่น่าเคลือบแคลงสงสัยหลายประการ หนึ่งในนั้นคือส่วนข้อเท็จจริง ที่ว่าน.ส.ปารีณาครอบครองที่ดินก่อนเป็นสปก. ซึ่งกฎหมายระบุว่า ผิดวันไหนให้เริ่มนับตั้งแต่วันนั้น ดังนั้น ความผิดของน.ส.ปารีณาเป็นความผิด มีมาต่อเนื่องยาวนาน แม้จะมีการประกาศเป็นพื้นที่สปก.ก็ไม่ได้ทำให้ความผิดเรื่องการครอบครองป่าสงวนพ้นไป และไม่มีกฎหมายใดที่ระบุว่า คืนที่สปก.แล้วจะทำให้ความผิดที่ผ่านมาพ้นผิดไปด้วย ดังนั้น การที่มีรัฐมนตรีบางท่านออกมาบอกว่า ไม่ผิดเพราะคืนแล้ว ตนจึงคิดว่าไม่ถูกต้อง อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ยังคงอยู่ในอำนาจหน้าที่ของกรมป่าไม้ในการที่จะเข้าไปดำเนินการ หากกรมป่าไม้ในฐานะผู้เสียหายละเลยไม่เอาผิด ก็ถือว่าเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่