“เมื่อเราได้พบกัน เมื่อเราได้รู้จักกัน เมื่อเราได้สัมผัสซึ่งความรัก เมื่อเราได้พลัดพราก เมื่อเราได้ระลึกถึงกัน เมื่อกาลเวลามาถึง เมื่อชั่วขณะที่เราได้พบกันอีกครั้ง คือจุดเริ่มต้น คือจุดสิ้นสุด คือทุกสิ่งที่หลอมรวมอยู่ในความสั่นสะเทือนของความรักที่พ้นประมาณ” ตอนหนึ่งจากบทพระนิพนธ์ พ.ศ. 2559 ใน พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ เมืองแวร์ซายส์, ประเทศฝรั่งเศส เรื่องราวแห่งความรักของชายหญิงคู่หนึ่งจากการเดินทางในท้องทะเลอันไกลโพ้นราวเทพนิยาย ที่เปี่ยมด้วยความทรงจำ ความโรแมนติค และความโศกเศร้าภายใต้ท้องนภาอันกว้างใหญ่ ซึ่งโอบล้อมไป ด้วยประกายแห่งแสงจันทร์ ดวงดาวที่พร่างพราย และเส้นขอบฟ้าที่ไม่รู้จบ อันเป็นบทพระนิพนธ์ใน พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ คือแรงบันดาลพระทัยหลักในการทรงงานออกแบบ คอลเลคชั่นประจำฤดูกาลสปริง/ซัมเมอร์ 2017 ภายใต้แบรนด์ “SIRIVANNAVARI” ที่โดดเด่นด้วยโครงสร้างเสื้อผ้าที่ดูเฟมีนีน งานปักชั้นครู ไปจนถึงลายกราฟฟิคฝีพระหัตถ์ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์แห่งแบรนด์ SIRIVANNAVARI ทรงมีรับสั่งว่า “ข้าพเจ้าได้ประพันธ์กลอนไว้หนึ่งบท ซึ่งเป็นเรื่องราวของความรักระหว่างคนและเทพธิดาแห่งท้องทะเล หลังจากนั้นข้าพเจ้าก็ได้นำเรื่องราวดังกล่าว มาตีความเป็นแฟชั่นในคอลเลคชั่นสปริง/ซัมเมอร์นี้ ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างเสื้อที่มีความพริ้วไหวและอ่อนหวาน เทคนิคการตัดเย็บที่ทำให้เสื้อมีความเป็นเฟมินีนขึ้นไปอีก งานปักที่บอกเล่าเรื่องราวทั้งหมด รวมไปถึงการนำสัญลักษณ์ต่างๆ ทั้ง ภาพจักราศรี พระจันทร์ ดวงดาว ม้าน้ำ เข็มทิศ ปะการัง เปลือกหอย ลายทางกะลาสี แมงกะพรุน ฯลฯ มาแสดงถึงจินตนาการของข้าพเจ้าเพื่อให้ทุกท่านได้เข้าใจถึงคอนเซ็ปท์ของคอลเลคชั่นล่าสุดนี้” พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ทรงมีรับสั่งต่อว่า “สำหรับคอลเลคชั่นนี้ ถ้าดูอย่างผิวเผินก็จะดูเหมือนว่าเสื้อผ้านั้นเรียบง่ายมาก แต่ถ้าดูอย่างละเอียดหรือได้สัมผัสเนื้องาน จะรู้เลยว่าโครงเสื้อและแพทเทิร์นเสื้อผ้าที่ดูเรียบง่ายนั้น ได้ซ่อนเทคนิคที่ซับซ้อนและรายละเอียดอันหลากหลาย อาทิ เทคนิคการจับเดรปผ้าเจอร์ซี่ย์แบบเทพธิดากรีก (Greek Goddess drapery) เทคนิคการพิมพ์ผ้าแบบ Wood Cut ตามแบบฉบับของญี่ปุ่นไว้ซึ่งข้าพเจ้าใช้เวลาทำนับเดือน” สำหรับคอลเลคชั่นเสื้อผ้าทรงออกแบบสำหรับสุภาพสตรีประจำฤดูกาลสปริง/ซัมเมอร์ 2017ประกอบด้วยจำนวนเสื้อผ้าทั้งสิ้น 54 ลุค แบ่งเป็นเสื้อผ้าสุภาพสตรี 48 ลุค และเสื้อผ้าสุภาพบุรุษ 6 ลุค มีความโดดเด่นที่หลากหลาย เริ่มตั้งแต่โครงสร้างเสื้อผ้าแบบไม่สมมาตร (Asymmetrical) ที่เห็นได้จากชุดเดรสคล้องคอ (Halter Neck Dress) ผ้าเจอร์ซี่ย์ที่จับเดรปเฉลียงไปมาแบบเทพธิดากรีก โครงสร้างชุดเดรสที่ช่วงกระโปรงเป็นแบบฟลามิงโก้จับพลีตเน้นวอลลุ่มของกระโปรง ไปจนถึงไบเกอร์โค้ตที่ปักลูกปัดระยับที่เข้าคู่กับเสื้อท็อปผ้าบุหงา ซีทรูและกางเกงเดนิมไบเกอร์ขาดๆ (Distressed Biker Jeans) เพื่อสร้างความขัดแย้ง สิ่งพิเศษที่เห็นได้อย่างชัดเจนในคอลเลคชั่นนี้ ก็คือ งานปักจากช่างฝีมือชั้นครู ซึ่งเป็นทีมช่างปักของ แบรนด์ SIRIVANNAVARI เอง โดยนำเสนองานปักหลายรูปแบบบนเสื้อผ้าหลากสไตล์ อาทิ งานปักลูกปัดคริสตัลระยับรูปดาวบนไบเกอร์โค้ต การปักบทกลอนและสัญลักษณ์แห่งท้องทะเลบนผ้าบุหงา (ผ้า Tulle) ซึ่งเป็นงานฝีมือที่ต้องใช้ความประณีตเป็นอย่างสูง เอกลักษณ์อย่างหนึ่งที่โดดเด่นของแบรนด์ SIRIVANNAVARI ก็คือลายพิมพ์ภาพกราฟฟิคทรงออกแบบ ซึ่งในซีซั่นนี้ องค์ดีไซเนอร์ได้ทรงออกแบบลายพิมพ์ที่ถ่ายทอดจินตนาการของบทกลอนพระนิพนธ์ที่เกี่ยวกับความรักของชายหญิงคู่หนึ่งจากการเดินทางในท้องทะเล ดังนั้นภาพกราฟฟิคจะเป็นรูปภาพของคลื่นทะเล ท้องฟ้า พระจันทร์ ดวงดาว สัตว์ต่างๆ ในท้องทะเล ลายกะลาสี และภาพสัญลักษณ์จักราศรี นอกจากนี้ องค์ดีไซเนอร์ยังได้ทรงนำเทคนิคการพิมพ์ผ้าแบบญี่ปุ่นที่เรียกว่า Wood Cut มาใช้อีกด้วย ซึ่งเทคนิคดังกล่าวพระองค์หญิงทรงนำแท่นพิมพ์ไม้มาแกะสลักให้เป็นลายภาพ หลังจากนั้นจึงทรงทำการพิมพ์ภาพลงไป ซึ่งเทคนิคนี้จะให้สัมผัสของภาพพิมพ์ที่แตกต่างออกไป โดยพระองค์หญิงทรงออกแบบลายพิมพ์แบบ Wood Cut ถึง 3 ลายด้วยกัน ได้แก่ ท้องฟ้าและคลื่น คลื่นทะเลและดวงดาวกับนกยูง เพื่อความสมบูรณ์ของคอลเลคชั่น องค์ดีไซเนอร์ทรงออกแบบคอลเลคชั่นชุดว่ายน้ำซึ่งทำให้ผู้สวมใส่เพิ่มความเซ็กซี่ด้วยโครงสร้างแบบ Cut Out อวดเรือนร่างของหญิงสาว และเพิ่มความมีระดับด้วยการประดับคริสตัลซวารอฟสกี้สีสั่งทำพิเศษเฉพาะ (Custom made) อีกทั้งยังมีเสื้อคลุมอาบน้ำเพื่อไลฟ์สไตล์ที่โก้หรูสำหรับทั้งสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี นอกจากคอลเลคชั่นของสุภาพสตรีแล้ว ในซีซั่นนี้ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ยังทรงออกแบบคอลเลคชั่นสำหรับสุภาพบุรุษภายใต้แบรนด์ S’Homme (เอส ออม) อีกด้วย โดยสไตล์ของเสื้อผ้าสุภาพบุรุษนั้น มีความโก้หรูและโมเดิร์น ดังเห็นได้จาก เสื้อ Morning Jacket 3 ชิ้น (เสื้อแจ๊กเก็ต Peak Lapel เสื้อเวสต์ และเสื้อทักซิโด้เชิ้ต) ที่ตกแต่งด้วยการปักดิ้นทองลายสัญลักษณ์ตรงชายเสื้อแจ๊กเก็ต ที่เข้าคู่กับกางเกงเทเปอร์ (Tapered pants)รองเท้า Slip on ตกแต่งด้วยการปักดิ้นทองลายนกยูง และเสื้อแจ๊กเก็ตผ้าวูลกระดุมสองแถวเข้ารูปที่ตกแต่งด้วยซิปด้านหน้าที่เข้าคู่กับรองเท้าผ้าคอตตอนสีน้ำเงินลายทางขาวและกระเป๋าคลัทช์สุดเท่ลายทางกะลาสี (Marine Stripe) ไปจนถึงเสื้อเทรนช์โค้ตผ้าวูลลายทางที่ตกแต่งด้วยเข็มขัดผ้าในตัว นอกจากนี้ยังมีเนคไทและหูกระต่ายลายกราฟฟิคประจำซีซั่นอีกด้วย นอกจากพระปรีชาสามารถในด้านแฟชั่นแล้ว ในปีนี้พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ยังได้แสดงพระอัจฉริยะภาพด้านดนตรี โดยทรงนิพนธ์บทเพลงสำหรับคอลเลคชั่นนี้อีกด้วย โดยบทเพลงพระนิพนธ์ SERENITY พระองค์หญิงได้ทรงนิพนธ์ทั้งคำร้องซึ่งมาจากบทกวีพระนิพนธ์ 3 บทซึ่งเป็นเรื่องราวของความปรารถนา ความรัก การรอคอย และกาลเวลา ที่ผูกร้อยแรงบันดาลใจของ Sirivannavari Spring/Summer 2017 Collection ด้วยบรรยากาศของ ท้องทะเล ความรัก และความสงบ ซึ่งพระองค์หญิงได้ทรงถอดคำจากบทกวีพระนิพนธ์มาร้อยเรียงใหม่ เพื่อทรงนำมาเรียบเรียงทำนอง และเสียงประสาน โดยพระองค์หญิงทรงเป็น Creative director สำหรับบทเพลงพระนิพนธ์ด้วย บทเพลงพระนิพนธ์นี้อยู่ในรูปแบบของซิมฟานี ออเครสต้า และบรรเลงโดยวง RBSO (Royal Bangkok Symphony Orchestra) โดยแบ่งออกเป็น 4 ช่วงด้วยกัน ได้แก่ จุดเริ่มต้นของเนื้อเรื่อง ตามด้วยเสียงของเขาต่อด้วยความปรารถนาจากเสียงของเธอ และปิดท้ายด้วยบทสรุป “ในความสงัดเงียบ ณ ห้วงเวลาอันเปี่ยมไปด้วยความอิ่มเอม ณ ที่นั่น ความรัก ยังคงเป็นอมตะ และจะยังคงดำรงอยู่เช่นนั้น ในความสงัดเงียบ” พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ทรงมีรับสั่งปิดท้ายว่า “บทสรุปของบทประพันธ์นี้ก็คือ ความรักระหว่างชายหนุ่มธรรมดากับเทพธิดาย่อมฝืนความเป็นจริงไปไม่ได้ ทั้งคู่ต่างต้องยอมรับยถากรรม เมื่อชายหนุ่มนั้นต้องหมดลมหายใจตามอายุขัยของมนุษย์ปุถุชน ในขณะที่ดวงใจของเทพธิดาก็ดับสิ้นตามเช่นกัน หากดวงใจที่แตกสลายนั้นยังคงอยู่ในร่างของนางที่ไม่มีวันดับสูญ” สามารถชมคอลเลคชั่นทรงออกแบบประจำฤดูกาลสปริง/ซัมเมอร์ 2017 ของแบรนด์ SIRIVANNAVARI และ S’HOMME ได้ที่ร้าน SIRIVANNAVARI ชั้น 1 ศูนย์การค้าสยามพารากอน