จากกรณีร้านกาแฟเจ้าดังที่ตกเป็นข่าวซ้ำซ้อนเมื่อลูกค้าซื้อเครื่องดื่มปั่นแล้วพบสิ่งแปลกปลอมอยู่ในนั้น มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก มีคำแนะนำหากซื้อสินค้า-อาหารแล้วพบสิ่งแปลกปลอมเจือปน และอาจจะรับประทานเข้าไปแล้ว โดยระบุ “กรณีพบสิ่งปนเปื้อนในอาหาร เราสามารถจัดการปัญหาเบื้องต้นได้ดังนี้ 1. ถ่ายรูป/วีดีโอ และเก็บตัวอย่างสินค้าไว้เป็นหลักฐาน พร้อมเก็บใบเสร็จไว้ด้วย 2. หากทานอาหารนั้นเข้าไปแล้ว ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายและขอใบรับรอง เก็บใบเสร็จรับเงินค่ารักษาพยาบาลไว้เป็นหลักฐาน 3. นำหลักฐานทั้งหมดแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษที่สถานีตำรวจเพื่อเป็นหลักฐาน โทรแจ้งศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ (ตามเบอร์โทรที่ภาชนะบรรจุ) แจ้งบริษัทว่าเราต้องการให้ดำเนินการอย่างไร เพื่อแก้ไขปัญหาพร้อมชดเชยเยียวยาความเสียหาย 4. หากเจ้าหน้าที่ไม่ดำเนินการ ให้ทำหนังสือถึงผู้ประกอบการ สรุปปัญหาที่พบ โดยส่งถึงประธานกรรมการบริหาร หรือตำแหน่งอื่นที่เทียบเท่า และระบุความต้องการที่ชัดเจน เช่น • ขอเปลี่ยนสินค้า • ขอเงินคืน • ขอให้ชดเชยค่ารักษา • จ่ายค่าเสียเวลา ค่าขาดประโยชน์ และค่าใช้จ่ายในการติดต่อกับผู้ประกอบการ • ทำหนังสือชี้แจงเหตุผลและขอโทษต่อผู้เสียหายและสาธารณะ ผู้ผลิตอาหารปนเปื้อนถือว่ากระทำความผิดตามกฎหมาย พ.ร.บ. อาหาร พ.ศ. 2522 มาตรา 25(1) เรื่องอาหารไม่บริสุทธิ์ โดยมีบทลงโทษอยู่ในมาตรา 58 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” ภาพจา่กเฟซบุ๊ก sittichai deethaworn