บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ในสัปดาห์หน้า (วันที่ 2 – 6 ธันวาคม 2562) บรรยากาศตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาการซื้อขายอยู่ในแดนลบตลอดทั้งสัปดาห์ เนื่องจากนักลงทุนมีความกังวนในประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ กับจีน ที่ดูจะเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นได้ยาก รวมถึงการตอกย้ำความวุ่นวายที่ “โดนัลด์ ทรัมป์” ลงนามประกาศใช้กฎหมาย 2 ฉบับเพื่อสนับสนุนสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยในฮ่องกง ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้รัฐบาลจีนเป็นอย่างมาก และได้ตอบโต้ด้วยการออกแถลงการณ์ โดยขอให้สหรัฐหยุดกระทำการโดยพลการ มิเช่นนั้นจีนจะดำเนินการตอบโต้ และสหรัฐจะต้องรับผลจากการกระทำของตัวเอง นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า แนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้า ตลาดฯยังมีลุ้นรีบาวด์ เนื่องจากใกล้ช่วงเวลาที่เม็ดเงิน LTF และ RMF จะเข้ามาแล้ว อย่างไรก็ดี สัปดาห์หน้าให้ติดตามตัวเลขภาคการผลิตของสหรัฐและยูโรโซน, ความคืบหน้าเจรจาการค้าสหรัฐและจีน เพราะเข้าใกล้วันที่ 15 ธ.ค.ที่ทางสหรัฐกำหนดปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน รวมทั้งติดตามการประชุมกลุ่มโอเปกที่จะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า พร้อมให้แนวรับ 1,580 ถัดไป 1,570-1,555 จุด ส่วนแนวต้าน 1,600-1,605 จุด ส่วนแนวโน้มราคาน้ำมันนักลงทุนคาดว่ากลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตรจะมีมติต่อระยะเวลาปรับลดกำลังการผลิตออกไปอีก 3-6 เดือน แต่ไม่ปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มเติม โดยการประชุมระหว่างกลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตรจะจัดขึ้นในสัปดาห์หน้า ขณะที่ทิศทางค่าเงินบาทนั้น นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า ภาพรวมตลาดแกว่งแคบลงทุกที เนื่องจากยังขาดปัจจัยชี้นำไปทางใดทางหนึ่ง ซึ่งยังคงติดตามปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น สถานการณ์ฮ่องกง ,การเจรจาการค้า รวมทั้งสัปดาห์หน้าจะมีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เช่น ตัวเลข ISM การจ้างงานนอกภาคเกษตร โดยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทสัปดาห์หน้าระหว่าง 30.15 - 30.25 บาท/ดอลลาร์