นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ ผู้ป่วยหนัก และโรคผู้สูงอายุ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ และประธานชมรมเชื้อราทางการแพทย์ประเทศไทยได้โพสต์ผ่านเพจ “หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC” ระบุ “วันที่ 1 ธันวาคมของทุกปี องค์การอนามัยโลกกำหนดให้เป็นวันเอดส์โลก ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2531 ปัจจุบันเป็นที่ทราบดีว่า การตรวจเร็ว รักษาเร็ว ทำให้ไม่แพร่เชื้อให้ผู้อื่น น้อยคนจะทราบว่าถ้าตรวจเร็วและให้การรักษาด้วยยาต้านไวรัสเร็วภายในไม่กี่สัปดาห์หลังรับเชื้อ และให้การรักษายาวนานพอ โอกาสที่ผู้ป่วยจะหายจากโรคนี้โดยไม่ต้องกินยาต้านไวรัสต่อเนื่องตลอดชีวิตเป็นไปได้ ขณะนี้ทั่วโลกมีรายงานว่ามีผู้ป่วยที่หายจากโรคติดเชื้อ HIV แล้ว (functional cure) หลายสิบคน เช่น ในประเทศฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ และสหรัฐอเมริกา หยุดยาได้เฉลี่ยนาน 8 ปี โดยคำว่าหายในที่นี้หมายถึงร่างกายควบคุมไม่ให้เชื้อเอชไอวีออกมาในกระแสเลือดได้เอง โดยไม่ต้องกินยาทุกวันตลอดชีวิตเหมือนผู้ป่วยเอดส์ทั่วไป แต่ไม่ได้หมายความว่าร่างกายกำจัดเชื้อได้หมดสิ้น 100 เปอร์เซ็นต์ เชื้อไวรัส HIV DNA อาจซ่อนอยู่ในเซลล์ไขกระดูก และเซลล์ในอวัยวะต่างๆ ถึงแม้จะวัดจำนวนไวรัสเอชไอวีในเลือดไม่พบ เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ผมได้รายงานคนไทยรายแรกที่หายจากโรคติดเชื้อ HIV ผมขอให้ความคืบหน้าของผู้ป่วยรายนี้ดังนี้ ผู้ป่วยชายไทย ปัจจุบันอายุ 55 ปี เมื่อ 23 ปีที่แล้ว มีประวัติถูกเพื่อนละเมิดทางเพศทางทวารหนักและ 4 สัปดาห์ต่อมามีไข้ ท้องเสีย ตรวจเลือดพบเพิ่งติดเชื้อ HIV ให้การรักษาด้วยยาต้านไวรัส 3 ขนานทันที ทำให้จำนวนเชื้อไวรัสในเลือด HIV viral load ค่อยๆลดลง จนในที่สุดวัดไม่ได้ และจำนวนเม็ดเลือดขาว CD4 เพิ่มขึ้น ผู้ป่วยแข็งแรงดี ทานยาต้านไวรัสต่อเนื่อง 11 ปี วันหนึ่งผู้ป่วยตัดสินใจหยุดยาเอง และไม่กลับมารักษา จนกระทั่งหลังหยุดยาต้านไวรัส 7 ปี กลับมาขอรับการตรวจใหม่ พบว่าเป็นโรคเบาหวาน ตรวจเลือดจำนวนเม็ดเลือดขาว CD4 เหมือนคนปกติ จำนวนเชื้อไวรัสในเลือด HIV viral load วัดไม่ได้ ทั้งๆ ที่ไม่ได้กินยาต้านไวรัส แต่ผลเลือด anti-HIV ยังบวกเหมือนเดิม หลังจากนั้นผู้ป่วยมารับการตรวจเลือดปีละครั้ง หลังหยุดยาต้านไวรัสนานถึง 12 ปี ก็ยังแข็งแรงดี ตรวจจำนวนเชื้อไวรัสในเลือด HIV viral load วัดไม่ได้ จำนวนเม็ดเลือดขาว CD4 ยังปกติ นัดมาตรวจปีละครั้งต่อไปเรื่อยๆ สำหรับผู้ติดเชื้อ HIV และผู้ป่วยเอดส์ทั่วไปต้องกินยาต้านไวรัสสม่ำเสมอ ห้ามขาดยา ห้ามหยุดยาเอง จะทำอะไรต้องปรึกษาแพทย์ก่อน คนส่วนใหญ่หลังหยุดยาต้าน เชื้อไวรัส HIV ในเลือดจะเพิ่มจำนวนขึ้นภายในเวลาไม่กี่เดือน และที่น่ากลัวกว่านั้นคือเกิดเชื้อดื้อยา ต้องเปลี่ยนสูตรยา ค่ายาเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า”