“มนัญญา” กระตุ้นคนไทยทุก Gen ดื่มนมมากขึ้น ผุดโปรเจกส่งนมสดถึงบ้านทุกเช้า พร้อมสืบสาน รักษา ต่อยอด “การเลี้ยงโคนมอาชีพพระราชทาน” เร่งพัฒนาเกษตรกรผลิตน้ำนมโคคุณภาพ สร้างรายได้ที่มั่นคง เมื่อวันที่ 28 พ.ย. น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานแถลงข่าวการจัดงาน “ไทย-เดนมาร์ค มิ้ลค์สิค เฟสติวัล 2019” (Thai-Denmark Milksic Festival 2019) ปลุกประแสคนรุ่นใหม่ให้หันมาดื่มนม ณ ห้องประชุม 115 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ น.ส.มนัญญา กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระราชทานอาชีพการเลี้ยงโคนมไว้ให้แก่เกษตรกรไทย เพราะทรงเล็งเห็นว่าจะช่วยให้ชาวไทยได้บริโภคอาหารที่มีคุณค่า ทั้งยังเป็นการสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรไทยได้มีอาชีพที่มั่นคงและยั่งยืน จึงมอบหมาย ให้องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) จัดงานรณรงค์การบริโภคนมด้วยผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์คภายใต้ชื่องาน “ไทย-เดนมาร์ค มิ้ลค์สิค เฟสติวัล 2019” (Thai-Denmark Milksic Festival 2019) ขึ้น ในวันที่ 15 ธันวาคม 2562 นี้ ณ บริเวณลานเนินนุ่ม ต.ดอนแก้ว อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ และจะหมุนเวียนไปตามภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ โดยมุ่งเน้นชักชวนคนรุ่นใหม่ ให้หันมาดื่มนมกันเยอะๆ เพื่อส่งเสริมสุขภาพ รวมทั้งเป็นการสืบสาน รักษา ต่อยอด “การเลี้ยงโคนมอาชีพพระราชทาน” ทั้งนี้ มุ่งหวังว่างานดังกล่าว จะสามารถรณรงค์สร้างการรับรู้และสร้างค่านิยมให้คนไทยทุกเพศ ทุกวัยที่เป็นกลุ่มลูกค้าเดิมของนมไทย-เดนมาร์คและเลือกซื้อนมไทย-เดนมาร์คเป็นประจำอยู่แล้ว ยังคงรักและนิยมดื่มนมไทย-เดนมาร์ค โดยกลุ่มเป้าหมายลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ อายุระหว่าง 13-53 ปี ได้แก่ กลุ่ม Gen Z อายุ 8-20 ปี กลุ่ม Gen X อายุ 38-53 ปี ที่ชื่นชอบในการค้นหา รับฟังข้อมูลของผลิตภัณฑ์ต่างๆ และกำลังมองหาผลิตภัณฑ์สุขภาพที่มีคุณภาพเพื่อตอบสนองความต้องการในการบริโภคของตนเองได้หันมาสนใจและดื่มนมไทย-เดนมาร์ค มากขึ้น ผ่านมาตน ได้ให้นโยบายเร่งด่วนแก่ อ.ส.ค. เร่งส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพอาชีพการเลี้ยงโคนมให้แก่เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมของไทย ให้มีผลผลิตน้ำนมโคที่มีประสิทธิผลและมีประสิทธิภาพมากขึ้นก่อให้เกิดรายได้ที่มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน สามารถอยู่ได้ด้วยตนเอง การส่งเสริมงานวิจัยการเลี้ยงโคนมเพื่อนำไปพัฒนาต่อยอดให้เกิดประสิทธิภาพในการจัดการฟาร์มโคนมให้แก่เกษตรกรในด้านการผลิต การสนับสนุนให้เกิดการกระจายรายได้ให้แก่เกษตรกร พร้อมทั้งสนับสนุนให้เกษตรกรมีอาชีพการเลี้ยงโคนม เพื่อรองรับความผันผวนจากปัญหาภัยแล้งที่ส่งผลกระทบต่อพืชผลทางการเกษตร และให้ขยายพื้นที่การผลิตน้ำนมเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับเกษตรกรรุ่นใหม่โดยไม่ละทิ้งเกษตรกรรุ่นเก่า “ต้องช่วยกันโปรโมทสิ่งดีๆ นมโรงเรียน เป็นนมที่ดีมาก มีเกษตรกรใส่ใจการผลิต ทุกขั้นตอน ต่อไปจะทำโครงการส่งนมสด ส่งตรงถึงมือท่านถึงบ้าน ดิฉันเลี้ยงลูกคนทุกคน 5 คนเองเมื่อไม่ได้ดื่มนมแม่ ให้ทุกคนดื่มนมไทย-เดนมาร์ค สมัยก่อนยังเป็นกล่องกระดาษด้วย ขอให้คนไทยรู้คุณค่าสิ่งดีๆ ของไทย อย่าเชื่อที่โฆษณา แค่เห็นแว็บๆ ก็ซื้อทันทีเลย ท่านดื่มนมมาก ช่วยเกษตรกรไทยผู้เลี้ยงโคนมด้วย จะพัฒนาฟาร์มเลี้ยงโคนมมาตราฐาน แข่งขันกับการเปิดให้นมผงเข้าไทยภาษีเป็นศูนย์ ในปี 2565 ทำมาตรฐานนมฮาลาล ส่งตะวันออกกลาง ประเทศมาเลเซีย ได้ เราต้องปรับตัวสู้ฟรีเทรดแอเรีย และรณรงค์ให้คนทุกเพศวัย ดื่มนมให้มากขึ้น “น.ส.มนัญญา กล่าว ด้านดร.ณรงค์ฤทธิ์ วงศ์สุวรรณ ผู้อำนวยการ อ.ส.ค. กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมาคณะอนุกรรมการรณรงค์การบริโภคนม ได้กำหนดเป้าหมายการเพิ่มปริมาณการดื่มนมของคนไทยจากปริมาณ 18 ลิตรเป็น 25 ลิตร/คน/ปี ภายในปี 2569 ซึ่งนอกจากการบริโภคนมคุณภาพดี ที่ได้มาจากเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมของไทยจะเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนคนไทยมีสุขภาพที่ดีแล้ว ยังเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมของไทยและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันภาคการเกษตรตามวิสัยทัศน์ของรัฐบาลในการพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมนมไทยให้พัฒนายิ่งขึ้นไปอีกด้วย “กิจกรรมดังกล่าวถือเป็นมหกรรมสร้างการรับรู้ในการบริโภคนมของคนไทยครั้งสำคัญอีกทั้งยังเป็นการรณรงค์ให้เยาวชนไทยหันมาดื่มนมและเปลี่ยนความคิดว่าการดื่มนมเป็นเรื่องล้าสมัย หรือเฉพาะคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง อีกทั้งยังเป็นเวทีในการตอกย้ำภาพลักษณ์ของนมไทย-เดนมาร์คและองค์กร มุ่งสู่การเป็นนมแห่งชาติ และแบรนด์อันดับที่ 1 ในใจผู้บริโภคชาวไทย (Top of Mind ) ในอุตสาหกรรมนมภายในปี 2564”ผู้อำนวยการ อ.ส.ค. กล่าว นอกจากการส่งเสริมให้คนในประเทศบริโภคนมมากขึ้นแล้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรยังให้ความสำคัญในการสร้างการรับรู้ให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมยุคใหม่เร่งปรับตัวรองรับการเปิดเสรีทางการค้าหรือ Free Trade Area : FTA ที่มีต่ออุตสาหกรรมนมและผลิตภัณฑ์นมของไทย โดยการเร่งพัฒนาอุตสาหกรรมโคนมของไทยให้สามารถแข่งขันได้ในยุคการค้าเสรี ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ในส่วนต้นน้ำ ได้แก่ ผู้เลี้ยงโคนมจำเป็นจะต้องลดต้นทุนการผลิต ยกระดับมาตรฐานและคุณภาพการผลิตน้ำนมดิบ สำหรับกลางน้ำจะเป็นผู้รับน้ำนมดิบไปผลิตต่อหรือแปรรูปจะต้องวิจัยและพัฒนานวัตกรรมเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ และปลายน้ำ ต้องทำการตลาดให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคและขยายช่องทางการจัดจำหน่ายใหม่ๆทั้งในและต่างประเทศ ขอเชิญชวนประชาชนคนรุ่นใหม่ที่สนใจเข้าร่วมงาน “ไทย-เดนมาร์ค มิ้ลค์สิค เฟสติวัล 2019” (Thai-Denmark Milksic Festival 2019) ซึ่งภายในงานผู้เข้าร่วมงานจะได้ร่วมสนุกกับบูธกิจกรรมต่างๆ ทั้งความบันเทิง และร่วมลุ้นรับของรางวัลมากมายกว่า 500,000 บาท พร้อมพบปะกับเหล่าศิลปินดารา อาทิ ตุ๊กกี้ ชิงร้อย, ดีเจบุ๊กโกะ, ว่าน ธนกฤต, ซานิ AF และพลาดไม่ได้กับศิลปินไอดอล จากภาคเหนือของประเทศไทย วง SY51 และยังมีการออกร้านค้า โซนอาหารที่รวมของอร่อย แล้วพบกันในวันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคม 2562 เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป ณ ลานเนินนุ่ม ต.ดอนแก้ว อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่