หลังมติเลื่อนแบน ระบุด้วยความห่วงใยคนไข้ที่ป่วยเพิ่มขึ้น ประกาศเดินหน้าเพิ่มการดูแลสุขภาพคนไทยอย่างเข้มข้น ป้องกันผลกระทบ-โรคร้ายที่จะเกิดกับคนรุ่นหลัง นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดก.สาธารณสุข พร้อมนพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และนพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ร่วมแถลงจุดยืนก.สาธารณสุขต่อการแบน 3 สารเคมีทางการเกษตร ว่า คณะกรรมการฯ ที่เป็นผู้แทนจากก.สาธารณสุข ได้ยืนยันในที่ประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตรายวันที่ 27 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยยืนยันตามมติเดิมในการประชุมเมื่อวันที่ 22 ต.ค.62 ที่ให้แบนสารเคมีอันตราย 3 สาร มีการรับรองมติการประชุมไปแล้ว และได้ให้ข้อมูลถึงผลกระทบต่อสุขภาพทั้งเกษตรกรและประชาชน รวมทั้งจากการประชุมทางไกลกับผู้อำนวยการโรงพยาบาล และนายแพทย์สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ ทุกคนมีความห่วงใยที่พบผู้ป่วยจากสารเคมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในจังหวัดที่มีการปลูกพืชเศรษฐกิจ 4 ชนิด เช่นที่โรงพยาบาลน่านจากเดิมพบผู้ป่วยปีละ 40 คนเพิ่มเป็นเดือนละ 25 คน สำหรับการเฝ้าระวังพืชผักผลไม้ของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์พบสารเคมีตกค้างหลายชนิด เช่น ที่จังหวัดพิษณุโลกพบสารพาราควอตตกค้างในกะหล่ำปลี 0.21 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม สูงเกินค่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ไม่เกิน 0.01 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ถึง 20 เท่า ซึ่งจะมีผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนทั้งระยะสั้นและระยะยาว รวมทั้งมีผลต่อทารกในครรภ์ ทั้งนี้ สาธารณสุข ได้เพิ่มมาตรการดูแลสุขภาพประชาชน โดยให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ร่วมกับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ พัฒนาศักยภาพ อสม. 80,000 คน ให้เป็น อสม.วิทยาศาสตร์การแพทย์ สุ่มตรวจพืชผักผลไม้ แหล่งน้ำธรรมชาติ ตรวจหาสารพาราควอตด้วยชุดทดสอบเบื้องต้น และเพิ่มศักยภาพโรงพยาบาลในการดูแลรักษาผู้ป่วยจากสารพิษ โดยประสานกับศูนย์พิษวิทยาโรงพยาบาลรามาธิบดี และสถาบันการศึกษาที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เข้มข้นความปลอดภัยของผัก ผลไม้ อาหารในประเทศ และที่นำเข้าจากต่างประเทศที่ด่านตรวจผ่านแดน 52 ด่าน “จุดยืนของก.สาธารณสุขไม่เคยเปลี่ยนแปลง ต่อการแบน 3 สาร ต่อจากนี้ไปจะเน้นการดูแลสุขภาพประชาชนให้เข้มข้นยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันผลกระทบที่จะเกิดกับเยาวชนรุ่นหลัง ทั้งจากพัฒนาการล่าช้า และโรคต่าง ๆ เช่น โรคสมองเสื่อม มะเร็ง” นพ.สุขุมกล่าว สำหรับการประชุมคณะกรรมการเมื่อวันที่ 27 พ.ย.62 ผู้แทนก.สาธารณสุขได้ยืนยันต่อที่ประชุมหลายครั้งว่า ยังคงยืนตามมติเดิมแบน 3สาร และขอให้คำนึงถึงผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนตามข้อมูลที่มีจำนวนมากและชัดเจน ที่เคยได้นำเสนอไปก่อนหน้านี้แล้ว พร้อมขอให้คงมติคณะกรรมการในการแบนสารเคมีอันตราย 3 สารเหมือนเดิม