นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ปัญหาขยะล้นเมืองเป็นปัญหาสำคัญ ซึ่งจากการสำรวจล่าสุดพบว่า ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 5 ของโลกที่กำลังประสบปัญหาเรื่องการจัดการขยะ โดยในปีที่ผ่านมามีปริมาณขยะทางทะเลและขยะมูลฝอย จำนวน 27.8 ล้านตัน แบ่งเป็น ขยะพลาสติกปริมาณ 2 ล้านตัน และมีการนำมารีไซเคิลเพียง 500,000 ตัน หรือประมาณ 25% เท่านั้น ทำให้ขยะที่เหลือมีการกำจัดอย่างไม่ถูกวิธี แต่จากการที่รัฐบาลได้ออกมาตรการเพื่อแก้ปัญหาขยะทะเล และพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียว ควบคู่ไปกับการสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนทั่วประเทศและนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ภาครัฐและเอกชน ส่งผลให้ประเทศไทยสามารถปรับอันดับประเทศที่มีขยะทางทะเลสูงสุดในโลกจากอันดับ 5 ลงมาอยู่ที่อันดับ 10 ได้สำเร็จ ถือเป็นสัญญาณที่ดีในการแก้ปัญหาของประเทศไทย ยุทธศักดิ์ สุภสร “ในโอกาสที่ ททท. ครบรอบ 60 ปี ในปี 2563 จึงมีแนวคิดและให้ความสำคัญในการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ โดยได้กำหนดเป็นยุทธศาสตร์หนึ่งที่มุ่งเน้นการสร้างความตระหนักถึงความสำคัญในการท่องเที่ยวที่รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม และได้ดำเนินการเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่อง ด้วยการรณรงค์ปลูกจิตสำนึกและกระตุ้นให้นักท่องเที่ยว ร่วมกันรับผิดชอบต่อทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ลดการสร้างภาระขยะในแหล่งท่องเที่ยว พร้อมกันนี้ยังได้กำหนดเป้าหมายลดการใช้พลาสติกในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้ลดลง 50% ภายในปี 2563 ลดขยะพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้ง อาทิ หลอด ฝาครอบแก้ว ถุง กล่องอาหาร พร้อมทั้งส่งเสริมการใช้วัสดุสำหรับทดแทนพลาสติกและภาชนะที่สามารถใช้ซ้ำได้ เช่น การใช้ถุงผ้า กระบอกน้ำ กล่องข้าวพกพา หลอดดูดน้ำจากวัสดุธรรมชาติ การใช้ผ้าเช็ดหน้า เพื่อไม่สร้างภาระในการกำจัดให้กับแหล่งท่องเที่ยวและชุมชน อีกทั้ง ยังช่วยรักษาความสวยงามให้คงอยู่ตลอดไป” นายยุทธศักดิ์ กล่าว ด้วยเหตุนี้ ททท. จึงได้ร่วมกับ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และเทศบาลเมืองพัทยา จัดทำโครงการลดโลกเลอะ x รักษ์ปันสุข ด้วยการรวมพลังและความร่วมมือในการลดใช้พลาสติก และหมุนเวียนใช้ให้เกิดประโยชน์ โดยชวนนักเดินทางร่วมบริจาคขวด PET ที่สถานีบริการน้ำมันบางจาก เพื่อนำมาสร้างสรรค์งานประติมากรรมรูปเต่ามะเฟืองแม่ลูกสัตว์สงวนที่ได้รับผลกระทบจากขยะพลาสติก ขนาด 6x6 เมตร ณ บริเวณริมชายหาดจอมเทียน พัทยา จังหวัดชลบุรี เป็นระยะเวลา 6 เดือน ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2562 -เดือนมิถุนายน 2563 เพื่อเป็นสัญลักษณ์รณรงค์การท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้จะมีการเปิดตัวประติมากรรมอย่างเป็นทางการในวันที่ 18 ธันวาคมนี้ ด้าน นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯ เน้นการนำนวัตกรรมมาเพิ่มคุณค่าให้กับทรัพยากรธรรมชาติเพื่อสร้างความยั่งยืน ยึดแนว BCG Economy Model สอดคล้องกับแนวคิดการพัฒนาเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยเน้นเศรษฐกิจสีเขียวมุ่งแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นกรอบใหญ่ ครอบคลุมเศรษฐกิจชีวภาพ เน้นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และมีเศรษฐกิจหมุนเวียน ที่ใช้วัสดุจากผลิตภัณฑ์ชีวภาพหรือวัสดุหมุนเวียน โดยได้ใช้แนวคิดนี้ในทุกกระบวนการธุรกิจของบริษัทฯ ได้แก่ การพัฒนาผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิงคุณภาพเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20S และ ไฮพรีเมียมดีเซล S ที่ได้มาตรฐาน Euro 5 รวมทั้งการริเริ่มใช้แก้ว ฝา และหลอด ที่ย่อยสลายได้ 100% ในร้านอินทนิลทุกสาขา เป็นต้น ชัยวัฒน์ โควาวิสารัช นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังได้ริเริ่มโครงการรักษ์ ปัน สุข จัดให้สถานีบริการน้ำมันบางจากเป็นจุดรวบรวมขวด PET นำไปรีไซเคิลเป็นเส้นใย ผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ เพื่อสาธารณประโยชน์ ซึ่งล่าสุด ได้ส่งมอบหมวกกันแดดผลิตจากเส้นใยรีไซเคิลจากขวดพลาสติก PET ให้กับกรุงเทพมหานคร เพื่อนำไปมอบให้กับเจ้าหน้าที่ด้านรักษาความสะอาดและสวนสาธารณะของกทม. จำนวน 50 เขต รวมจำนวน 11,000 ใบ โดยในโอกาสครบรอบ 35 ปีบางจากฯ บริษัทฯ ได้ต่อยอดโครงการรักษ์ ปัน สุข ด้วยการร่วมมือกับ ททท. จัดทำโครงการลดโลกเลอะ x รักษ์ปันสุข เพื่อรณรงค์การลดขยะพลาสติกกับกลุ่มนักเดินทาง โดยจัดจุดรวบรวมและรับบริจาคขวดน้ำดื่ม PET ที่สถานีบริการน้ำมันบางจาก ในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล ชลบุรี ระยอง จันทบุรี จำนวน 262 จุด เพื่อนำขวด PET ไปสร้างประติมากรรมรูปเต่ามะเฟืองแม่ลูก พร้อมนิทรรศการให้ความรู้ด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเป็นเวลา 6 เดือน หลังจากนั้น จะนำขวดพลาสติกทั้งหมดไปรีไซเคิลผลิตเป็นหมวกกันแดดเพื่อส่งมอบ ให้เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครที่ดูแลรักษาความสะอาดในเมืองพัทยานำไปใช้ประโยชน์ต่อไป มาโนช หนองใหญ่ ส่วน นายมาโนช หนองใหญ่ รองนายกเมืองพัทยา กล่าวว่า เมืองพัทยา เป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลกและถือเป็นส่วนหนึ่งในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ โดยมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมากจากทั่วทุกมุมโลก สามารถตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวได้ในทุกรูปแบบ ทั้งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม นักท่องเที่ยวสามารถท่องเที่ยวได้ตลอด 24 ชั่วโมง และครอบคลุมทุกอายุ ด้วยเหตุนี้พัทยาจึงได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาและแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการจัดการปัญหาขยะในทะเลโดยตรง ซึ่งส่งผลกระทบกับสัตว์ทะเลโดยตรง ดังที่มีข่าวการเสียชีวิตของสัตว์ทะเลจำนวนมากจากขยะพลาสติกไม่ว่าจะเป็นเต่าทะเล พะยูน ที่พบว่าเสียชีวิตจากการกลืนกินพลาสติกเข้าไป สำหรับการจัดสรรพื้นที่ในการติดตั้ง ประติมากรรมเต่ายักษ์ บริเวณโค้งดงตาน หาดจอมเทียน เมืองพัทยา ซึ่งเป็นจุดที่มีนักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาท่องเที่ยวพักผ่อนเป็นจำนวนมาก น่าจะช่วยดึงดูดความสนใจ และสามารถสื่อสารไปยังกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย ต่างชาติ รวมไปถึงชาวพัทยาทุกคน ในการสร้างจิตสำนึกเรื่องการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ ร่วมมือกันดูแลชายหาดเมืองพัทยาให้สะอาดสวยงาม ลดการใช้ทรัพยากร ลดขยะพลาสติกให้ได้มากที่สุด