วันที่ 25 พ.ย. 2562 นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณี น.ส.พรรณิการ์ วานิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคอนาคตใหม่ ยื่นคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ตรวจสอบเอาผิดการถือครองหุ้นสื่อของ น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐนั้น ตนเห็นว่ากรณีการขายหุ้นสื่อของ น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี แตกต่างกับกรณีการขายหุ้นสื่อ ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจอย่างสิ้นเชิง ดังปรากฏในคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 14/2562 วันที่ 20 พ.ย. 2562 ปรากฏข้อเท็จจริงในคำวินิจฉัย หน้าที่ 22 และ หน้าที่23 ว่านายธนาธร อ้างว่าได้ขายหุ้นสื่อให้แก่ นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจในวันที่ 8 ม.ค. 2562 และนางสมพร ได้ชำระเงินค่าหุ้นสื่อจำนวนเงิน 6,750,000 บาท โดยสั่งจ่ายด้วยเช็ดธนาคารกรุงศรีอยุธยา ฉบับ ลงวันที่ 8 มกราคม 2562 แต่ปรากฏว่านำเช็คไปเรียกเก็บเงินเข้าบัญชีนายธนาธร ในวันที่ 16 พ.ค. 2562 เป็นระยะเวลานานถึง 128 วัน เป็นเวลาถึง 4 เดือนเศษนับจากวันออกเช็ค ซึ่งเป็นวันที่ 8 ม.ค. 2562 ศาลเห็นว่า นายธนาธร สามารถนำเช็คเข้าบัญชีตั้งแต่ วันที่ 9 ม.ค. 2562 แต่กลับนำเข้าบัญชี วันที่ 16 พ.ค. 2562 ประเด็นดังกล่าวเป็นข้อเท็จจริงสำคัญ ศาลจึงไม่เชื่อว่ามีการซื้อขายหุ้นเกิดขึ้นจริงในวันที่ 8 ม.ค. 2562 ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับกรณีการขายหุ้นสื่อของน.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ซึ่งปรากฏหลักฐานการสั่งขายหุ้นเกิดขึ้นในวันที่ 11และ12 ธ.ค. 2561โดยขายหุ้นสื่อทั้งหมดผ่านโบรกเกอร์ 3 บริษัท ซึ่งเป็นบริษัทหลักทรัพย์ตัวแทนขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ และต่อมาบริษัทตัวแทนขายหุ้น ก็ได้โอนเงินค่าหุ้นสื่อเข้าบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ธนาคารไทยพาณิชย์ ชื่อบัญชี น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ในวันที่ 13 และ 14 ธ.ค. 2561 ยอดเงินรวม 41 ล้านบาท ซึ่งมีหลักฐานการโอนเงินปรากฏอยู่ในสมุดเงินฝากธนาคารของน.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี นายไพบูลย์ กล่าวต่อว่า ตามกฏหมายแล้วจึงถือว่าได้มีการขายหุ้นสื่อเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว ดังนั้น น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี จึงขาดจากการเป็นผู้ถือหุ้นสื่อ ตั้งแต่วันที่ 14 ธ.ค. 2561 ซึ่งต่อมาอีกประมาณ 2 เดือน ได้ไปสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส จึงไม่มีปัญหาเรื่องการขาดคุณสมบัติเพราะเหตุแห่งการถือหุ้นสื่อ ดังที่ น.ส.พรรณิการ์ วานิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคอนาคตใหม่ ร้องต่อ กกต.