บลจ.ยูโอบี(ประเทศไทย) จำกัด มองเศรษฐกิจทั่วโลกส่งสัญญาณชะลอตัวจากสงครามการค้าและเศรษฐกิจเข้าสู่ช่วงปลายของการเติบโต ตลอดจนการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางประเทศต่างๆ ในขณะที่ตลาดหุ้นที่มีความผันผวนสูง แนะกระจายพอร์ตลงทุนในตราสารหนี้กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลก รุกเปิดตัวกองทุนเปิดบริลเลียนท์ พลัส ฟันด์(BPLUS) เตรียมขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO)วันนี้-29 พ.ย.62 ชูจุดเด่นเป็นกองทุนรวมผสมแบบ Fund of Funds ที่กระจายการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ทั่วโลก กองทุนอสังหาริมทรัพย์ REITs ต่างประเทศ และกองทุนอสังหาฯไทย น.ส.รัชดา ตั้งหะรัฐ กรรมการผู้จัดการ สายพัฒนาธุรกิจ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ UOBAM เปิดเผยว่า จากภาวะเศรษฐกิจไทยและทั่วโลกที่ชะลอตัว ผลกระทบสงครามทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯที่ยืดเยื้อ ประกอบกับภาพรวมเศรษฐกิจอยู่ในช่วงวัฎจักรตอนปลายของการเติบโต การใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางประเทศต่างๆ โดยการอัดฉีดสภาพคล่องและการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับลดลงมาอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่การลงทุนในหุ้นมีความผันผวนสูง จึงแนะนำให้นักลงทุนกระจายการลงทุนในตราสารหนี้ทั่วโลกที่ให้โอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจและลดความผันผวนของพอร์ตลงทุน รวมถึงลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ REITs ที่สามารถให้โอกาสรับผลตอบแทนที่สม่ำเสมอจากเงินปันผลในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ ทั้งนี้จากปัจจัยดังกล่าว บลจ. ยูโอบี เปิดเสนอขาย ‘กองทุนเปิด บริลเลียนท์ พลัส ฟันด์’ (BPLUS)หรือ “Brilliant Plus Fund (BPLUS)” ซึ่งเป็นกองทุนเปิดประเภทกองทุนรวมผสมแบบ Fund of Funds ที่มีการจะกระจายการลงทุนในกองทุนทั้งในและต่างประเทศและเป็นกองทุนรวมผสมที่ปัจจุบันคาดการณ์สัดส่วนการลงทุนส่วนใหญ่อยู่ในตราสารหนี้ที่มีคุณภาพทั่วโลกประมาณ 80% และอีก 20% ลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ (Property Fund) และ REITs เพื่อเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนสูงขึ้น สำหรับการลงทุนในตราสารหนี้ สัดส่วนประมาณ 80% ประกอบด้วย การลงทุนผ่านกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ 2 กองทุนประกอบด้วย 1.กองทุน United SGD Fund (Class A-Acc USD (Hedged)) ในสัดส่วน 32.5% ซึ่งเป็นกองทุนที่จัดตั้งและบริหารจัดการโดย UOB Asset Management,ประเทศสิงคโปร์ โดยกองทุนจะเน้นลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นและเงินฝากของสถาบันการเงิน ซึ่งกระจายการลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพทั่วโลก โดยเฉพาะในเอเชียที่ให้อัตราผลตอบแทนที่ดี และมีการลงทุนในตราสารหนี้ในยุโรป สหรัฐอเมริกา และกลุ่มประเทศเกิดใหม่ โดยให้ผลตอบแทนนับจากนับจากเดือนม.ค.-ก.ย.62 (Year to Date) 3.49% (ที่มา: UOBAM) 2.กองทุน Manulife Asia Pacific Investment Grade Bond Fund (Class A-Acc) ในสัดส่วน 32.5% บริหารงานโดย Manulife Investment (ประเทศสิงคโปร์) ซึ่งเน้นกระจายการลงทุนในตราสารหนี้(ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก)คุณภาพระดับ Investment Grade และปรับเปลี่ยนระยะเวลาลงทุนได้อย่างยืดหยุ่นในกรอบ 1- 5 ปี เพื่อรับประโยชน์จากวัฎจักรอัตราดอกเบี้ยในแต่ละช่วง โดยให้ผลตอบแทนนับจากเดือนม.ค.-ก.ย.62(Year to Date) 6.27% (ที่มา: Manulife Investment) ส่วนการลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์และ REITs อีกประมาณ 20% ประกอบด้วย 1) การลงทุนใน กองทุน UBS (Lux) Real Estate Fund Selection-Global (class I-96 EUR Acc) ในสัดส่วนประมาณ 13% บริหารงานโดย UBS ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้จัดการกองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยกองทุนนี้จะมีการกระจายการลงทุนไปยังกองทุนอสังหาริมทรัพย์รวม 43 กองทุนทั่วโลก ซึ่งมีอสังหาริมทรัพย์ภายใต้การจัดการมากกว่า 5,000 โครงการ และมีที่มาจากรายได้ผู้เช่าในโครงการกว่า 20,000 ราย และ 2) การเข้าลงทุนใน กองทุนอสังหาริมทรัพย์ REITs และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานในไทย โดยมี บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) เป็นผู้บริหารจัดการ อีกประมาณ 7% ทั้งนี้กองทุนจะมีการลงทุนในตราสารหนี้เอกชนไทยที่มีคุณภาพ และพันธบัตรรัฐบาลไทยประมาณ 15% โดยสัดส่วนการลงทุนในกองทุนปลายทาง จะมีการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับภาวะตลาดในแต่ละขณะตามดุลยพินิจผู้จัดการกองทุน โดยกองทุน BPLUS มีนโยบายเน้นลงทุนในกองทุน CIS กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน กองทุนอสังหาริมทรัพย์ กองทุน Private Equity หรือกองทุน ETF ทั้งใน และ/หรือต่างประเทศตั้งแต่ 2 กองทุนขึ้นไป โดยจะเข้าลงทุนในกองทุนปลายทาง เฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน และในขณะเดียวกันจะลงทุนในต่างประเทศ เฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่เกิน 79% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยส่วนของการลงทุนในต่างประเทศมีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจผู้จัดการกองทุน สำหรับกองทุน BPLUS มีกำหนดเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) วันนี้-29 พ.ย.62 (ในวันและเวลาทำการ)มีทุนจดทะเบียน 20,000 ล้านบาท อัตราความเสี่ยงระดับกลาง(ระดับ 5)และไม่มีกำหนดเงินลงทุนขั้นต่ำ โดยเสนอขายผ่าน ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ จำกัด และ บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด มีให้เลือกทั้งกองประเภทที่มีการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนแบบปกติ (BPLUS) และแบบรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ (BPLUS-R) และหลังช่วง IPO กองทุน BPLUS สามารถซื้อขายได้ทุกวันทำการซื้อขายหน่วยลงทุน