ได้เวลาปีติยินดีแห่งธรรมที่ชาวไทยจะได้มีโอกาสอย่างนี้ ซึ่งมีไม่บ่อยนัก สำหรับ การได้มีส่วนร่วมรับเสด็จ การเสด็จเยือนประเทศไทยของ “สันตะปาปาฟรานซิส” หรือ “โป๊ปฟรานซิส” ประมุของค์ที่ 266 แห่งคริสตจักร นิกายโรมันคาทอลิก ที่มีขึ้นระหว่างวันที่ 20 – 23 พ.ย.นี้ กล่าวถึงพระประวัติโดยสังเขป มีพระนามเดิมว่า “ฆอร์เก มาริโอ เบร์โกกลิโอ (Jorge Mario Bergoglio)” แต่ถ้าอ่านสำเนียงตามอักษรภาษาสเปนในละตินอเมริกา ก็เป็น “ฮอร์เฮ มาริโอ เบร์โกกลิโอ (xoɾxe ˈmaɾjo βeɾˈɣoɣljo)” นอกจากนี้ พระองค์ยังมีพระนามเดิมแบบภาษาอิตาลีด้วย เพราะตระกูลข้างฝ่ายพระชนก (บิดา) ของพระองค์ท่าน เป็นชาวอิตาลีอพยพที่มาพำนักอาศัยอยู่ในอาร์เจนตินา โดยพระนามเดิมในภาษาอิตาลีของพระองค์ก็คือ “จอร์เจ มารีโอ แบร์กอลโย” ส่วนสาเหตุที่พระองค์มีพระนามเดิมเป็นภาษาสเปน หรือภาษาสเปนในละตินอเมริกา ก็เพราะว่าพระองค์เป็นชาวอาร์เจนตินา ประเทศในทวีปอเมริกาใต้ หรือละตินอเมริกา นั่นเอง ซึ่งพระองค์ประสูติที่ย่านฟลอเรส ใกล้กับกรุงบัวโนสไอเรส เมืองหลวงของอาร์เจนตินา เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม ค.ศ. 1936 (พ.ศ. 2479) เรียกว่า เหลือเวลาอีกไม่ถึงเดือนข้างหน้า พระองค์ก็จะทรงมีพระชนมายุ 83 พรรษาเต็ม และด้วยเวลาที่เหลือเพียงเท่านั้น ก็ขอพระอนุญาตถวายพระพรเนื่องในวันคล้ายวันประสูติล่วงหน้าแด่พระองค์มา ณ โอกาสนี้ ในส่วนครอบครัวของพระองค์ พระชนก (บิดา) ของท่านก็เป็น พนักงานการรถไฟของอาร์เจนตินา แต่ด้วยความฝักใฝ่ในการศึกษาพระองค์ก็ทรงมุมานะจนจบในระดับมหาบัณฑิตสาขาวิชาเคมีจากมหาวิทยาลัยบัวโนสไอเรส ทว่า พระองค์กลับฝักใฝ่ในการเป็นนักบวชของคริสต์ศาสนา นิกายโรมันคาทอลิก ต่อมาจึงได้เข้ารับการศึกษาเพื่อเตรียมตัวการเป็น “บาทหลวง” ที่ “เซมินารี” หรือ “เซมินาร์” ในย่านบียาเดโบโต ซึ่งการเข้ารับการศึกษากับเซมินาร์ในลักษณะนี้ เปรียบเทียบไปก็คล้ายกับการบรรพชาเป็นสามเณร ก่อนอุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา เพื่อศึกษาหลักธรรม และหลักเทววิทยาในศาสนาคริสต์ ตามข้อกำหนดที่ระบุไว้ ซึ่งในศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิก ก็กำหนดไว้ว่า ผู้ที่จะมาบวชเป็นบาทหลวงก็ต้องจบหลักสูตรด้านเทววิทยา หรือเทวศาสตร์เป็นอย่างน้อย เทียบได้กับปริญญาตรี โดยพระองค์ได้ปฏิญาณตนในสำนักของคณะเยสุอิต และเริ่มเข้าสู่กระบวนการศึกษาดังกล่าวตั้งแต่ปี ค.ศ. 1958 (พ.ศ. 2501) กระทั่งจบการศึกษาในอีก 9 ปี หลังจากนั้น และในอีก 2 ปี ต่อมา คือ ค.ศ. 1969 (พ.ศ. 2512) อันเป็นปีที่จบการศึกษานั้นเอง พระองค์ก็ทรงเข้ารับ “ศีลอนุกรม” เพื่อเป็น “บาทหลวง” ก่อนเป็นอาจารย์สอนด้านเทววิทยาที่มหาวิทยาลัย “ฟาคัลตาเดส เด ฟิโลโซเฟีย เตโอโลเจีย เด ซาน มิเกล” หรือเรียกกันสั้นๆ ว่า “ซานมิเกล” จนได้ดำรงตำแหน่งเป็น “ศาสตราจารย์ทางเทววิทยา” จากนั้นในช่วงปี ค.ศ. 1973 (พ.ศ. 2516) – ค.ศ. 1979 (พ.ศ. 2522) พระองค์ทรงดำรงตำแหน่ง “อธิการเจ้าคณะแขวงของคณะนักบวชเยสุอิต” ประจำประเทศอาร์เจนตินา ก่อนที่มาดำรงตำแหน่ง “อธิการสำนักเซมินารีในมหาวิทยาลัยซานมิเกล” จนถึงปี ค.ศ. 1986 (พ.ศ. 2529) ในสมณศักดิ์และการปกครองของพระองค์นั้น ได้ดำรงตำแหน่งมุขนายกผู้ช่วยแห่งกรุงบัวโนสไอเรส และมุขนายกเกียรตินามแห่งเอากา รวมถึงอาร์คบิชอปแห่งกรุงบัวโนสไอเรสตามลำดับ เมื่อปี ค.ศ. 1998 (พ.ศ. 2541) ก่อนที่ในอีก 3 ปีต่อมา คือ ค.ศ. 2001 (พ.ศ. 2544) ก็ได้ขึ้นมาดำรงตำแหน่ง “คาร์ดินัล” ในสมัยของสันตะปาปา หรือโป๊ปจอห์น ปอล ที่ 2 ซึ่งในระหว่างนี้พระองค์ได้ปฏิบัติหน้าที่สำคัญๆ ในหลายหน่วยของสภาปกครองโรมัน อาทิ กระทรวงพิธีกรรมและศีลศักดิ์สิทธิ์ กระทรวงบาทหลวง กระทรวงสถาบันชีวิตที่ถวายแล้วและคณะชีวิตแพร่ธรรม สภาเพื่อครอบครัว และกรรมาธิการละตินอเมริกา กระทั่งในวันที่ 12 มีนาคม ค.ศ. 2013 (พ.ศ. 2556) ในที่ประชุมคณะคาร์ดินัลเพื่อเลือกตั้งสันตะปาปา ก็ได้ลงคะแนนเสียงในครั้งที่ 5 ให้พระองค์ได้ดำรงตำแหน่ง สันตะปาปา หรือโป๊ปองค์ใหม่ โดยพระองค์ได้กำหนดพระนามในฐานะประมุขแห่งคริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิกด้วยว่า “ฟรานซิส” อันหมายถึง นักบุญ หรือ เซนต์ฟรานซิสแห่งอัสซิซี ผู้สถาปนาคณะนักบวชฟรานซิสกัน นั่นเอง โดยการขึ้นมาดำรงตำแหน่งสันตะปาปาของพระองค์ ก็ถือเป็นประมุขคริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิกพระองค์แรกที่มาจากคณะเยสุอิต และมาจากทวีปอเมริกาใต้ หรือละตินอเมริกา ในระหว่างที่พระองค์ดำรงตำแหน่งสันตะปาปา ก็ได้ทรงประทานแง่คิดอันเป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติและโลกของเราอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมให้ยุติความรุนแรง สงคราม และสนับสนุนสันติภาพ การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การกระตุ้นเตือนให้ประชาคมโลกมิให้หลงใหลในวัตถุนิยมจนเกินไป รวมถึงการประทานกำลังใจให้แก่ผู้ประสบภัยอยู่เนืองๆ ยกตัวอย่างเช่น กรณีกลุ่มนักฟุตบอลทีมหมูป่าอะคาเดมีที่ติดภายในถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน ในไทย เป็นต้น ส่วนในความโปรดปรานของพระองค์ ก็ได้ชื่อว่า ทรงชื่นชอบการกีฬาหาน้อยไม่ โดยมีรายงานว่า พระองค์ทรงเป็นแฟนคลับของ “โบคาจูเนียร์ส” ทีมฟุตบอลของอาร์เจนตินาระดับตัวยงเลยทีเดียวเชียว