นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึงการแข่งขันวิ่งมาราธอนส่งเสริมการท่องเที่ยวระดับโลกรายการอะเมซิ่งไทยแลนด์มาราธอนแบงค็อก 2020 พรีเซ็นต์บายโตโยต้า ว่า กระทรวงมีนโยบายที่ชัดเจนในการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกีฬาที่มีโอกาสดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมาร่วมเป็นจำนวนมาก อย่าง วิ่งมาราธอน วิ่งเทรล หรือไตรกีฬา ให้เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์หลักในระยะยาว โดยมีแผนการสร้างแบรนด์ระดับโลก จึงได้มอบหมายให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับเป็นเจ้าภาพในแต่ละส่วน เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนและสามารถจัดการแข่งขันมาราธอนในระดับโลก และจะต้องจัดอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี รวมถึงทำให้รายการนี้ติดอันดับ 1 ใน 10 ของมาราธอนที่คนทั่วโลกอยากเดินทางมาร่วมแข่งขันมากที่สุด นอกจากนี้ได้มอบหมายให้ ททท.นำเสนอรายการการแข่งขันดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อจัดทำเป็นซีรี่ย์มาราธอนของประเทศต่อเนื่องตลอดทั้งปี 2563 โดยขั้นต้นเลือก 5 จังหวัดนำร่อง ได้แก่ กรุงเทพมหานคร (อะเมซิ่งไทยแลนด์มาราธอน) จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดชลบุรี จังหวัดภูเก็ต และจังหวัดราชบุรี ตั้งเป้ามีผู้ร่วมแข่งขันทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเกิน 100,000 คน เป็นคนต่างชาติ มากกว่า 15,000 คน “ประเทศไทยมีศักยภาพ มีความพร้อมที่จะจัดวิ่งมาราธอนเป็นรายการระดับ WORLD EVENT เนื่องจากมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย มีการต้อนรับที่อบอุ่น ดังนั้นทางกระทรวงฯ จะผลักดันรายการอะเมซิ่งไทยแลนด์มาราธอนเป็นรายการนำร่องของรัฐบาล เพื่อนำไปสู่มาราธอนซีรี่ย์ของประเทศให้ได้ในที่สุด โดยตั้งเป้าไทยเป็นศูนย์กลางวิ่งมาราธอนของเอเชีย ” นายพิพัฒน์ กล่าว ด้าน นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. ในฐานะประธานอำนวยการคณะกรรมการจัดการแข่งขัน กล่าวว่า ททท.ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและการกีฬา ให้เป็นเจ้าภาพหลักในการจัดแข่งขันครั้งนี้ โดยจะดำเนินการร่วมกับไทยแลนด์ไตรลีก ซึ่งการแข่งขันครั้งนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 3ในวันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2563 โดยเป้าหมายหลักของการแข่งขัน คือ ต้องการยกระดับให้ไทยเป็นจุดหมายปลายด้านการท่องเที่ยวและการกีฬาอย่างยั่งยืน และใช้กระแสของกีฬาวิ่งที่กำลังบูมอย่างต่อเนื่อง มาเป็นเครื่องมือหลักในการดึงนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้เดินทางมาร่วมงาน โดยในช่วงไตรมาสแรกของปี 2563 กิจกรรมนี้จะถือเป็นกิจกรรมหลักของ ททท. เช่นเดียวกับงานเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมแข่งขันประมาน 30,0000 คน เป็นชาวต่างชาติไม่น้อยกว่า 5,000 คน ก่อให้เกิดรายได้ทั้งทางตรงและทางอ้อมในระบบเศรษฐกิจของประเทศไม่น้อยกว่า 900 ล้านบาท นอกจากนี้ยังตั้งเป้าไว้ว่า ภายใน 3 ปี อะเมซิ่งไทยแลนด์ มาราธอน จะเป็นหนึ่งในรายการที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาตินิยมมาร่วมมากที่สุดในทวีปเอเชีย สำหรับ รายการอะเมซิ่งไทยแลนด์มาราธอน กำลังได้รับการประกาศการรับรองอย่างเป็นทางการจาก สหพันธ์สมาคมกรีฑานานาชาติ หรือ IAAF ในฐานะ BRONZE LABEL ภายในสิ้นปีนี้ ถือเป็นรายการมาราธอนน้องใหม่ของวงการวิ่งที่ได้รับการรับรองจาก IAAF เร็วที่สุดคือภายใน 2 ปีเท่านั้น พร้อมกันนี้ ททท.ยังได้ไปประชาสัมพันธ์รายการนี้ในรายการมาราธอนระดับโลกมากมาย อาทิ โอซาก้ามาราธอน ที่ประเทศญี่ปุ่น ปักกิ่งมาราธอน ที่ประเทศจีน สิงคโปร์มาราธอน เป็นต้น ซึ่งได้รับกระแสตอบรับจากนักวิ่งต่างชาติเป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ชาวจีน ชาวสิงคโปร์ ชาวมาเลเซีย และชาวญี่ปุ่น ซึ่งคาดว่าจะมีนักวิ่งชาวต่างชาติมาร่วมแข่งขันในรายการนี้มากกว่า 5,000 คนอย่างแน่นอน ซึ่ง นายยุทธศักดิ์ กล่าวต่อว่า ททท. ได้จัดทำแผนการจัดการแข่งขันอะเมซิ่งไทยแลนด์มาราธอนซีรี่ย์ จำนวน 5 รายการ นำเสนอคณะรัฐมนตรี หรือครม.เศรษฐกิจ ทั้งนี้ได้รับความเห็นชอบในขั้นต้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการเร่งทำเอกสารเพื่อนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อให้อนุมัติในโครงการดังกล่าว คาดว่าหลังการแข่งขันอะเมซิ่งไทยแลนด์มาราธอนเสร็จสิ้น จะสามารถประกาศ 5 รายการนำร่องของโครงการจากนโยบายที่ได้รับมอบหมายอย่างแน่นอน” ส่วน นายกอบเกียรติ แสงวนิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไทยแลนด์ไตรลีก ในฐานะผู้อำนวยการจัดงาน หรือ RACE DIRECTOR กล่าวถึงรายละเอียดของการแข่งขัน ว่า การแข่งขันแบ่งเป็น 4 ระยะ คือ ประเภทมาราธอน ระยะ 42.195 กิโลเมตร ประเภทฮาล์ฟมาราธอน ระยะ 21.10 กิโลเมตร ประเภทระยะ 10 กิโลเมตร และประเภทแฟมิลี่รัน ระยะ 5 กิโลเมตร ในปัจจุบันได้มีการเปิดรับสมัครไปแล้ว 2 สัปดาห์ มีผู้สมัครทั้งสิ้น 22,000 คน คาดว่าจะมีนักวิ่งมาร่วมงานตามเป้าหมาย 30,000 คนที่วางไว้อย่างแน่นอน