ดีเอสไอ ประสานเจ้าหน้าที่ตร.สภ.เมืองอุดรธานี เพื่อโอนตัวน.ส.วันทนีย์ ทิพย์ประเวช ท้าวแชร์แม่มณีพร้อมพวกที่ถูกดำเนินคดีจากเรือนจำจ.อุดรธานเข้ากรุงเทพแล้ว วันนี้ (20 พ.ย.62) ผู้สื่อข่าวจ.อุดรธานีรายงานว่า พ.ต.อ.ศักดา เหมือนโพธิ์ รอง ผบก.ภ.จว.อุดรธานี พร้อมด้วย พ.ต.ท.ผลิตอรัญ บุญมาตุ่น รอง ผกก.สอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี ร.ต.อ.จักรพงษ์ ต้องแต้ม รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี และเจ้าหน้าที่จากทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI ได้เดินทางไปยังศาลจังหวัดอุดรธานี เพื่อยื่นหนังสือขอโอนตัวผู้ต้องหาคดีแชร์แม่มณี น.ส.วันทนีย์ ทิพย์ประเวช หรือ เดียร์ หรือ แม่มณี อายุ 30 ปี ท้าวแชร์ลวงโลก พร้อมพวกรวม 8 คน เพื่อนำไปควบคุมตัวที่กรุงเทพฯ หลังจากที่ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้รับสอบสำนวน เอกสาร หลักฐาน จากทางตำรวจภูธรภาค 4 ไปแล้ว เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับผู้ต้องหาในคดีแชร์แม่มณีนอกจากตัวของน.ส.วันทนีย์แล้ว ยังมีผู้ต้องหาอีกหลายคนซึ่งประกอบไปด้วย นายเมธี ชิณภา อายุ 20 ปี สามีแม่มณี , นายปิยะ คีรีสุวรรณกุล อายุ 22 ปี , น.ส.พรสวรรค์ ภูอินอ้อย อายุ 19 ปี , น.ส.สุพรรณี นิกรกุล อายุ 22 ปี , น.ส.ธวัลรัตน์ ทิพย์ประเวช อายุ 47 ปี มารดาแม่มณี , น.ส.วิไลวรรณ หงษ์ประชาทรัพย์ อายุ 25 ปี และ น.ส.นิตยา พินนอก อายุ 27 ปี โดยทางDSI จะได้นำตัวไปยังศาลอาญากรุงเทพมหานคร โดยให้เรือนจำกลางจังหวัดอุดรธานี เป็นผู้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 8 คน ไปส่งตามที่ศาลจังหวัดอุดรธานี อนุมัติให้เดินทาง โดยผู้ต้องหาทั้ง 8 คน ถูกแจ้งข้อกล่าวหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันให้กู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อผู้อื่นหรือประชาชน” สำหรับคดีแชร์แม่มณี เริ่มจากปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ได้มีกลุ่มประชาชนผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี ว่า ได้รับความเสียหายจากการที่ได้หลงเชื่อเข้าร่วมโครงการฝากเงินออมเงินกับแม่มณี หรือ แชร์แม่มณี โดยจะได้รับผลตอบแทนเป็นร้อยละ 93 ต่อเดือน ซึ่งผู้เสียหายหลงเชื่อและได้โอนเงินไปร่วมฝากเงินกับแม่มณีและพวก จนกระทั่งต่อมาแม่มณี หรือ น.ส.วันทนีย์ ทิพย์ประเวช หรือ เดียร์ กับพวก เบี้ยวจ่ายเงิน และได้หลบหนีไป จนถูกตำรวจชุดสืบสวนภาค 4 ชุดสืบสวน ภ.จว.อุดรธานี ติดตามจับกุมตัวได้ ทั้งนี้ยอดผู้เสียหายของ จ.อุดรธานี ประมาณ 341 คน มูลค่าความเสียหาย 147 ล้านบาท ส่วนรวมผู้เสียหายในพื้นที่รับผิดชอบของตำรวจภูธรภาค 4 ทั้ง 12 จังหวัด มีผู้เสียหาย 456 ราย รวมความเสียหายทั้ง 12 จังหวัด 221,891,437.15 บาท นอกจากนี้ยังได้ติดตามยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้อง จำนวน 130,790,843 บาท ประกอบด้วย 1.เงินสด 17,517,000 บาท 2.อายัดบัญชี รวม 15,843,244 บาท 3.รถยนต์ 12 คัน 4.รถ จยย.บิ๊กไบค์ 1 คัน และ 5.อายัดทรัพย์สินอื่น มีอาคารพาณิชย์ , บ้านพร้อมที่ดิน , ทองรูปพรรณ รวม 89 รายการ รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ทำการตรวจยึด 130,790,843 บาท/