แขวงทางหลวงชนบทบุรีรัมย์ พร้อมหมวดบำรุงทางหลวง และ อบต.สะเดา นำเจ้าหน้าที่พร้อมรถกระเช้าเก็บรื้อกระสอบปุ๋ยและสแลนที่ชาวนาเอาไปปิดคลุมหลอกไฟบนถนนหลวงออกแล้ว ชี้เป็นทรัพย์สินราชการไม่สามารถกระทำได้ ขณะป้าวัย 65 เจ้าของนาร้องไหโฮเพราะลงทุนไปแล้วแต่ไม่ได้ผลผลิตวอนรัฐหาแนวทางเยียวยาช่วยเหลือ วันนี้ (20 พ.ย.62) จากกรณีที่มีชาวบ้านหรือเกษตรกรนำกระสอบปุ๋ยและสแลนกันแดดปิดคลุมหลอดไฟฟ้าส่องสว่าง ที่ติดตั้งไว้บนถนนทางหลวงหมายเลข บร.3001 สายละหานทราย – นางรอง ช่วงถนน 4 เลน บริเวณบ้านจอมปราสาท ต.สะเดา อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ทั้งยังใช้เชือกมัดผูกกับกระป๋องกาแฟ และก้อนหินผูกติดห้อยระโยงระยาง รวมจำนวน 7 ต้น เพราะมีความเชื่อว่าแสงไฟทำให้ต้นข้าวโตช้าและไม่ออกรวง ล่าสุดนายวิทย์ วรวงค์ ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงชนบทบุรีรัมย์ พร้อมด้วยนายประสพ บุญอินทร์ ผู้อำนวยการหมวดบำรุงทางหลวงชนบทประโคนชัย นายวิจารย์ เลียวเสถียรวงค์ นายกองค์การบริหารส่วนตําบลสะเดา และเจ้าหน้าที่ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงก็พบว่ามีการนำถุงปุ๋ยและสแลนปิดคลุมหลอดไฟส่องสว่างจริง จึงได้ให้เจ้าหน้าที่นำรถกระเช้าขึ้นไปทำการเก็บรื้อกระสอบปุ๋ยสแลนดังกล่าวออกจากหลอดไฟทั้งหมด พร้อมทั้งได้ชี้แจงทำความเข้าใจกับชาวบ้านและเจ้าของที่นาด้วยว่า การนำวัสดุหรือสิ่งของไปปิดคลุมหลอดไฟไม่สามารถที่จะทำได้ เพราะเป็นทรัพย์สินของทางราชการ อาจเข้าข่ายผิด พ.ร.บ.ทางหลวง ซึ่งขณะที่เจ้าหน้าที่ไปรื้อกระสอบปุ๋ยและสแลนออกจากหลอดไฟ นางปราณี จันทคาต อายุ 65 ปี เจ้าของนาถึงกับร้องไห้โฮ เพราะกลัวว่าเอาสแลนออกแล้วข้าวจะไม่ออกรวงหรือไม่ได้ผลผลิตเต็มที่ ทั้งยอมรับว่าตนเองเป็นคนนำถุงปุ๋ยและสแลนมาปิดหลอดไฟจริง โดยการใช้ไม้ไผ่เกี่ยวและพึ่งทดลองปีนี้เป็นปีแรก เพราะปีที่ผ่านมาหลังจากมีการขยายถนน 4 เลนและติดไฟส่องสว่าง นาข้าวของตนเองซึ่งอยู่ติดถนนใกล้กับหลอดไฟไม่ผลผลิตน้อย มีคนบอกว่าเกิดจากแสงไฟที่ทำให้ข้าวสังเคราะห์แสง จึงโตช้าและบางส่วนไม่ออกรวง ซึ่งก่อนจะใช้สแลนปิดก็ไปขอไฟฟ้าแล้วซึ่งการไฟฟ้าก็ไม่ได้อนุญาต ตนจึงตัดสินใจทดลองเอง แต่ก็ไม่ได้ปิดจนมืดสนิท แค่ปิดสลัวๆ แต่หากเจ้าหน้าที่บอกว่าทำไม่ได้ ตนก็ยินดีให้เอาออก แต่ก็อยากขอความเห็นใจจากหน่วยงานรัฐ ให้หาแนวทางช่วยเหลือและเยียวยาด้วย เพราะลงทุนทำนาไปแล้ว 5 ไร่ ก็ยังไม่รู้ว่าปีนี้จะได้ผลผลิตหรือไม่ และปีต่อๆ ไปจะทำยังไง นายวิทย์ วรวงค์ ผอ.แขวงทางหลวงชนบทบุรีรัมย์ บอกว่า ที่ติดตั้งระบบไฟส่องแสงสว่าง ก็เพื่ออำนวยความสะดวกความปลอดภัยให้กับประชาชนผู้สัญจรในเส้นทาง ตามนโยบายของกรมทางหลวงชนบท หลังจากทราบว่ามีคนนำสิ่งของไปปิดคลุมหลอดไฟซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ จึงได้มาเอาออกพร้อมทำความเข้าใจกับเจ้าของนา และชาวบ้านในพื้นที่ด้วย ส่วนที่เจ้าของนาเชื่อว่าแสงไฟทำให้ข้าวโตช้าและไม่ออกรวง ก็จะได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาแนวทางช่วยเหลือต่อไป ด้านนายวิจารย์ เลียวเสถียรวงค์ นายก อบต.สะเดา อ.นางรอง กล่าวว่า หลังจากทราบข่าว ก็ได้ประสานให้แขวงการทาง และเจ้าหน้าที่ป้องกัน อบต.สะเดา มาเอาถุงปุ๋ยและสแลนดังกล่าวออกจากหลอดไฟ เนื่องจากเป็นทรัพย์สินของทางราชการ ทั้งป้องกันไม่ให้ผู้สัญจรเสี่ยงอุบัติเหตุด้วย ส่วนที่ชาวนาอ้างว่าแสงไฟทำให้ข้าวโตช้าและไม่ออกรวงนั้น ก็เป็นความเชื่อของชาวนา แต่ข้อเท็จจริงยังไม่รู้ว่าจะเกี่ยวหรือไม่