บุรีรัมย์ แค่ตัดกิ่งกระท้อนที่ยื่นออกมาทิ้งเพื่อให้รถเข้าไปถมดำ แต่ไม่ได้บอกลูกพี่ลูกน้องอีกฝ่ายที่เป็นคนปลูกไว้ ถึงขั้นเปิดศึกตะลุมบอนใช้เลื่อยทำร้ายกัน น้าชายเห็นเหตุการณ์วิ่งเข้าไปช่วยถูกเลื่อยสับหัว ไหล่เลือดอาบ ฝ่ายที่ได้รับบาดเจ็บหอบหลักฐานภาพวงจรปิดเข้าแจ้งความดำเนินคดียันเอาเรื่องถึงที่สุด วันที่(18 พ.ย.62) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านใน ต.ปราสาท อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ว่า​ มีเหตุการณ์ญาติพี่น้องเปิดศึกตะลุมบอน และใช้เลื่อยทำร้ายร่างกายกันจนมีผู้บาดเจ็บ สาเหตุเพียงแค่อีกฝ่ายจะตัดกิ่งต้นกระท้อนที่ยื่นออกไปในที่ดินของเขาทิ้ง แต่อีกฝ่ายที่เป็นคนปลูกไว้ไม่พอใจเพราะไม่ได้ขออนุญาตก่อนจึงห้ามไม่ให้ตัด จนเกิดการโต้เถียงรุนแรงและใช้เลื่อยธนูทำร้ายกันบาดเจ็บ จึงได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบ ซึ่งที่เกิดเหตุเป็นบ้านหลังหนึ่งใน ต.ปราสาท อ.บ้านกรวด ก็ได้พบกับนายจตุพร ธิจันทร์ดา อายุ 28 ปี ลูกชายเจ้าของบ้านหลังดังกล่าว ก็เล่าให้ฟังว่า เมื่อช่วงเช้าประมาณ 10.00 น. วานนี้ (17 พ.ย.) น.ส.สายฝน อายุ 36 ปี ซึ่งเป็นลูกสาวของป้าหรือลูกของพี่สาวแม่ อยู่บ้านหลังใกล้กันได้ใช้เลื่อยและมีดมาตัดกิ่งต้นกระท้อนที่ตนเองปลูกไว้บริเวณหน้าบ้าน แต่กิ่งยื่นออกไปในที่ของ น.ส.สายฝน แต่ก่อนจะตัด น.สายฝน ไม่ได้บอกหรือขออนุญาตตนเองก่อน จึงได้ไปต่อว่าและห้ามไม่ให้ตัดจนเกิดการโต้เถียงกัน แล้วจู่ๆ น.ส.สายฝน ก็เดินเข้ามาผลักอกของตนเองซึ่งตอนนั้นก็ยังไม่ได้ตอบโต้อะไร เพราะเห็นว่าเป็นผู้หญิง กระทั่งมีปากเสียงโต้เถียงกันอีกรอบโดยที่ในมือของ น.ส.สายฝน ก็ถือเลื่อยอยู่ จากนั้นก็เกิดการชกต่อยกันชุลมุนอยู่สักพัก จนเลื่อยในมือของ น.ส.สายฝน ตกพื้น จากนั้นนายสมโชค สามีของ น.ส.สายฝน ก็วิ่งเข้าหยิบเอาเลื่อยที่พื้นพยายามใช้เลื่อยทำร้ายตนเอง ก็ใช้มือปัดออกแต่ถูกใบเลื่อยบาดที่หลังหู และซี่โครงเป็นรอยถลอก ซึ่งจังหวะที่ตนเองถูก น.ส.สายฝน และสามีรุมทำร้าย นายถาวร ธิจันทร์ดา อายุ 49 ปี น้าชายที่กำลังใช้จอบขุดตะไคร้อยู่หลังบ้าน ก็วิ่งถือจอบเข้ามาจะช่วยตนเอง แต่น้าชายเสียหลักล้มลงจึงถูกนายสมโชค สามีของ น.ส.สายฝน ใช้เลื่อยสับเข้าที่บริเวณศรีษะด้านหลังจนเลือดไหลอาบ ทั้งยังมีแผลตามร่างกายอีกหลายแห่ง จากนั้นแม่ของตนเองและญาติพี่น้องที่เห็นเหตุการณ์ก็วิ่งเข้าไปห้าม นายสมโชค และ น.ส.สายฝนจึงยอมหยุด ขณะที่นายถาวร ที่ได้รับบาดเจ็บ บอกว่า ตอนแรกก็ได้ยินหลายสาว และหลานชายทะเลาะกันเรื่องที่หลานสาวไปตัดกิ่งกระท้อนที่หลานชายปลูกไว้หน้าบ้าน เนื่องจากหลานสาวจะเอาดินมาถม แต่ไม่ได้บอกหลานชายก่อนว่าจะตัดทิ้ง ซึ่งตอนแรกก็ไม่ได้คิดว่าเรื่องจะบานปลาย แต่จู่ๆ ทั้งสองก็ชกต่อยกันและสามีของหลานสาวได้วิ่งเข้ามาหยิบเอาเลื่อยที่ตกอยู่พื้นดินจะเข้าไปทำร้ายหลานชาย ซึ่งขณะนั้นตนเองใช้จอบขุดตะไคร้อยู่หลังบ้าน ด้วยความตกใจจึงถือจอบวิ่งตั้งใจจะเข้าไปกันไม่ให้หลานเขย ใช้เลื่อยทำร้ายหลานชาย จนเกิดเหตุชุลมุนถูกหลานชายใช้เลื่อยสับเข้าที่ศรีษะจนเลือดอาบเย็บไป 7 เข็ม ทั้งยังถูกคมใบเลื่อยเป็นแผลที่บริเวณไหล่ นอกจากนั้นยังมีแผลที่เข่าทั้ง 2 ข้างด้วย ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแม้จะเป็นญาติพี่น้องกัน แต่ตนเองถูกทำร้ายและหลานสาว กับหลานเขยไม่ได้มาขอโทษเลย จึงได้ไปแจ้งความที่ สภ.บ้านกรวด เพื่อให้ตำรวจดำเนินการตามกฎหมาย จากนั้นผู้สื่อข่าวได้ไปยังบ้านของ น.ส.สายฝน คู่กรณี แต่ไม่อยู่บ้านพบเพียง น.ส.จวน แม่ของสายฝน บอกว่า วันเกิดเหตุตนเองออกไปทำสวนจึงไม่เห็นเหตุการณ์ แต่ลูกสาวเล่าให้ฟังว่าวันเกิดเหตุลูกสาวได้ไปตัดกิ่งกระท้อนที่ยื่นออกมาขวางทางเข้า-ออก เพราะลูกสาวจะเอารถเข้าไปถมดินบริเวณติดกันกับบ้านของนายจตุพร คู่กรณีซึ่งก็เป็นลูกของน้องสาวตนเอง แต่ยอมรับว่าลูกสาวไม่ได้บอกนายจตุพร ก่อนแต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องใหญ่อะไรเพราะก็เป็นญาติพี่น้องกัน จากนั้นนายจตุพร ก็มายืนต่อว่าลูกสาวจนลูกสาวทนไม่ไหวลุกขึ้นไปผลักอกนายจตุพร แต่นายจตุพร ก็ยังไม่ยอมหยุดพูดจนเกิดการทะเลาะชกต่อยกัน ส่วนที่อีกฝ่ายกล่าวหาว่าลูกสาวและลูกเขยไปรุมทำร้ายนั้นไม่เป็นความจริง แต่เป็นฝ่ายถูกรุมมากกว่าเพราะอีกฝ่ายอีก 4-5 คน ซึ่งหลังจากเกิดเรื่องทั้งสองฝ่ายก็ยังไม่ได้พูดคุยกัน และนายถาวร ที่ถูกใช้เลื่อยทำร้ายจนบาดเจ็บ ก็ได้นำหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิดช่วงที่เกิดเหตุ เข้าแจ้งความที่ สภ.บ้านกรวด เพื่อเอาผิดหลานเขย