“เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป” ประกาศแผน 5 ปี พร้อมลุยวิสัยทัศน์ เมเจอร์ 5.0 -รุกขยายโรงหนัง 1,200 โรง ครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัด พร้อมดันหนังไทยส่งออก ยกระดับมาตรฐาน Tollywood นายวิชา พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ. เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจของบริษัท 5 ปีหลังจากนี้ (ปี2563-2567) บริษัทพร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ภายใต้วิสัยทัศน์ เมเจอร์ 5.0 ( Major 5.0) ที่มุ่งเน้นการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ทันสมัยเข้ามาเติม เต็มในการให้บริการมากขึ้น เช่น ระบบ E Ticket และ Seamless Ticket , Mobile Ticketing เพื่อทำให้การซื้อตั๋วหนังง่ายขึ้น เร็วกว่า และสมบูรณ์แบบมากขึ้น ในส่วนของโรงหนัง มีแผนที่นำเอาเทคโนโลยีล่าสุดของการฉายภาพยนตร์ด้วยระบบ GIANT LASER SCREEN หรือ GLS มาใช้ในโรงหนังของเมเจอร์มากขึ้นเช่นกัน ทั้งนี้ยังเตรียมที่จะเดินหน้าลงทุนขยายโรงภาพยนตร์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งเป้าที่จะมีโรงภาพยนตร์ทั้งใน ประเทศและกลุ่มประเทศ CLMV จำนวน1,200 โรง ครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศไทยภายปี 2567 จากปัจจุบันที่ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป มีโรงภาพยนตร์อยู่ใน 60 จังหวัด ส่วนปี2563 มีแผนการลงทุนขยายสาขาเพิ่มอย่างต่อเนื่องอีก 30 โรง ด้วยงบลงทุน180-200 ล้านบาท อาทิ เมเจอร์ ซีนีมา โลตัส หาดใหญ่ สงขลา, เมเจอร์ ซีนีมา Mark 4 แพร่, เมเจอร์ ซีนีมา โลตัส พะเยา, เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ โลตัส นิคมบางกะดี ปทุมธานี, เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ โลตัส สมุทรปราการ, เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ บิ๊กซี ยะลา, เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ บิ๊กซี มหาชัย 2 สมุทรสาคร ขณะที่สิ้นปีนี้ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จะมีสาขารวมทั้งสิ้น 169 สาขา 810 โรง 183,958 ที่นั่ง แยกเป็น สาขาในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 46 สาขา 355 โรง 80,468 ที่นั่ง, สาขาในต่างจังหวัด 115 สาขา 416 โรง 95,041 ที่นั่ง และสาขาในต่างประเทศ 8 สาขา 39 โรง 8,449 ที่นั่ง นอกจากนี้ยังจะเดินหน้ายกระดับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยให้ได้มาตรฐานเป็น Tollywood (Thailand+Hollywood) ด้วยส่วนแบ่งตลาด 50% พร้อมผลักดันส่งภาพยนตร์ไทยออกขายไปยังตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศเป้าหมายหลัก คือ จีน และกลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ พม่า, เวียดนาม, กัมพูชา, ลาว, อินโดนีเซีย, สิงคโปร์, มาเลเซีย, บรูไน, ฟิลิปปินส์ รวมถึง ส่งภาพยนตร์ไทยให้บริการบนสายการบิน อาทิ Thai Airways, Hong Kong Airlines, Oman Airlines, Emirates Airlines, Air China, All Nippon Airways และบนแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง Netflix ซึ่งเป็นช่องทางทำให้ภาพยนตร์ไทยมีตลาดสามารถเก็บรายได้เพิ่มมากขึ้น “ปัจจุบันอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยได้รับการยอมรับจากตลาดต่างประเทศมากขึ้น ทำให้ไม่เพียงแต่การส่งออกภาพยนตร์ไทยไปฉายในต่างประเทศเท่านั้น แต่ดาราไทยหลายคนก็ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก ซึ่ง เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ได้ดำเนินธุรกิจแบบครบวงจร ทั้ง โรงภาพยนตร์ และพร้อมเดินหน้าสนับสนุนการสร้างภาพยนตร์ไทยอย่างเต็มที่ เพื่อให้อุตสาหกรรมภาพยนตร์ของบ้านเรามีการเติบโตมากยิ่งขึ้นและพัฒนาเป็น Tollywood ต่อไป” นายวิชา กล่าว อย่างไรก็ตามในวิชั่นของเมเจอร์ฯไม่ใช่มุ่งการขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคงเท่านั้น ในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมโรงภาพยนตร์ในประเทศไทย ยังคงเดินหน้าช่วยสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับสังคม ภายใต้นโยบาย “Green Cinema” เน้นการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และผ่านภารกิจ Social Giving ของ มูลนิธิ เมเจอร์ แคร์ ด้วย ด้านภาพรวมของธุรกิจโรงหนังในปีนี้ยังคงเติบโตดี โดยธุรกิจโรงหนังที่ไม่ได้ถูกดิสรัปชั่นจากออนไลน์ หรือ สตรีมมิ่ง และเน็ตฟลิกซ์ เห็นได้จากยอดการขายตั๋วหนัง9เดือนที่ผ่านมา ภาพรวมการจำหน่ายตั๋วหนังในไทยโตขึ้นประมาณ 15% ในส่วนของเมเจอร์ฯ นั้นมีรายได้จากการขายตั๋วหนังสูงถึง 4,392 ล้านบาท และเมื่อจบสิ้นปีนี้น่าจะอยู่ที่ 7,000 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมของตลาดน่าจะปิดที่ 9,000 ล้านบาทโต หรือเติบโต 15% นอกจากปีนี้ยังคาดว่าภาพรวมการขายตั๋วหนังน่าจะปิดที่ 40 ล้านใบ โดย9เดือนที่ผ่านมาทำได้แล้วกว่า 38 ล้านใบ โดยแบ่งเป็นสัดส่วนรายได้จากการจำหน่ายตั๋วหนังไทย อยู่ที่ 26% และหนังต่างประเทศ 75% พร้อมกันนี้ยังจะเพิ่มจำนวนหนังไทยให้มากขึ้น โดยอยากเห็นหนังไทยเข้าฉายปีละไม่ต่ำกว่า52เรื่อง เฉลี่ยสัปดาห์ละ1เรื่อง ซึ่งเมเจอร์ ยังคงเป็นผู้เล่นหลักในการลงทุนผลิตหนังไทย ด้วยโมเดลการจับมือกับพันธมิตร ซึ่งคาดว่าในปี2563 เชื่อว่าจะมีหนังของกลุ่มเมเจอร์เข้าฉายกว่า 15 เรื่อง “ปีหน้ายังจะมีหนังที่เมเจอร์ร่วมทุนกับจีน ทำหนังร่วมกันเข้าฉายด้วยเช่นกัน โดยเป้าหมายของการเข้าไปร่วมทุนกับประเทศจีนนั้นเพื่อเข้าไปทำตลาดในจีนด้วย เนื่องจากเป็นตลาดที่ใหญ่ แต่ทั้งปีคาดว่าจะมีหนังที่ร่วมทุนกับจีนเข้าฉายไม่ต่ำกว่า 2 เรื่อง” สำหรับการก้าวเข้าสู่ปีที่ 25 ของการดำเนินธุรกิจโรงหนัง เมเจอร์ได้เตรียมจัดแคมเปญพิเศษเพื่อขอบคุณลูกค้า โดยตลอดวันที่ 25 พ.ย. ที่จะถึงนี้ จะจำหน่ายตั๋วหนังในราคา 25 บาท สำหรับดูหนังที่นั่งปกติ และที่นั่งฮันนีมูน ทุกเรื่อง ทุกรอบ ทุกสาขา ทั่วประเทศ โดยไม่จำกัดจำนวนสิทธ์ในการซื้อ รวมถึงบลูโอ ริธึม แอนด์ โบว์ล และซับซีโร่ ไอซ์สเก็ต คลับ ทุกสาขา สามารถโยนโบว์ลิ่งได้เพียงเกมละ 25บาท, เล่นไอซ์สเก็ต 90 นาที 25บาท, เครื่องดื่มซอฟท์ดริ้งค์ แก้วละ 25 บาท และร้องคาราโอเกะ ชั่วโมงละ 125 บาท และกิจกรรมลุ้นรับรางวัลต่างๆมากมายกว่า 500,000 รางวัล เมื่อซื้อตั๋วหนังทุก 1 ที่นั่ง ตั้งแต่ 26 พ.ย.-31 ธ.ค. 2562