เมื่อ สวนสามพราน ได้ยกระดับตลาดเกษตร ด้วยการวมกลุ่มของเกษตรกรอินทรีย์อย่างเข้มแข็งภายใต้ระบบการรับรองอย่างมีส่วนร่วม และมีการบริหารจัดการตลาดอย่างมีระบบ จึงทำให้มีการเติบโตของสังคมอินทรีย์ ที่มาจากผู้บริโภคต้องการวัตถุดิบอินทรีย์ และการเรียนรู้มากขึ้น ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ทางสวนสามพราน จัดกิจกรรม Open House 58ปี ก้าวใหม่สวนสามพราน สู่พื้นที่สร้างแรงบันดาลใจในการเรียนรู้ เพื่อการเปลี่ยนแปลง ด้วยการรวมผู้ประกอบการ องค์กร ที่ต้องการมาเรียนรู้วิถีการดำเนินธุรกิจเกื้อกูลสังคม หรือ สามพรานโมเดล ที่มีการเชื่อมโยงห่วงโซ่ทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ นำไปสู่การเปิดตลาดสุขใจ ในการขับเคลื่อนสังคมอินทรีย์ร่วมกับภาคส่วนต่างๆ อย่างต่อเนื่อง สำคัญที่สุด คือ การพัฒนาแอพพลิเคชั่น Thai Organic Platformเชื่อมโยงห่วงโซ่อินทรีย์ทั้งระบบ และให้ผู้บริโภคเข้าถึงสังคมอินทรีย์ และเกิดความเชื่อมั่นมากขึ้น รวมไปถึงนโยบายGo Green ที่มีการจัดการขยะอย่างครบวงจร โดยเวลานี้อยู่ระหว่างการประสานงานกับพันธมิตรที่เกี่ยวข้องทำงานอย่างเป็นระบบ ตอบโจทย์เทรนด์ท่องเที่ยว โดย นายอรุษ นวราช กรรมการผู้จัดการ สวนสามพราน กล่าวว่า กิจกรรม โอเพ่น เฮาส์ 58ปี เป็นก้าวใหม่ของสวนสามพราน ที่ได้ปรับเปลี่ยนพื้นที่และสร้างสรรค์กิจกรรมในสวนสามพรานใหม่ เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ และเทรนด์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน จากการถ่ายทอดวิถีความเป็นไทย ผ่านกิจกรรมในหมู่บ้านไทย และโรงละคร ไปสู่การเป็นผู้นำขับเคลื่อนระบบอาหารยั่งยืนภายใต้สามพรานโมเดล ตั้งแต่ปี 2554 จนไปสู่การ เปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ คือ ปิดหมู่บ้านไทยปรับเปลี่ยนพื้นที่ภายใน สร้างเป็นศูนย์การเรียนรู้ ภายใต้วิสัยทัศน์สร้างระบบอาหารยั่งยืน สู่เป้าหมายการมีชีวิตที่สมดุล ซึ่งทำให้สัดส่วนทางธุรกิจของสวนสามพราน เวลานี้มีรายได้จากอาหารประมาณ 70% จากที่พัก คือ โรสการ์เด้น สวนสามพรานประมาณ 30% เท่านั้น "การนำผลผลิตผัก ผลไม้และข้าวอินทรีย์ ปศุสัตว์อินทรีย์ เช่น หมูหลุม ไก่โคราช และสินค้าแปรรูปต่างๆ มาจำหน่าย พร้อมนำเอาองค์ความรู้ในการทำปัจจัยการผลิต การทำเกษตรอินทรีย์ มาเผยแพร่ โดยทางผู้ประกอบการ โรงแรม ร้านอาหาร ต่างมีโอกาสมาประสานงานโดยตรงกับเครือข่าย เพื่อจัดหาวัตถุดิบอินทรีย์ ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ สามพรานโมเดล อะคาเดมี ให้คำปรึกษาให้ข้อมูล ประสานเชื่อมโยงการขับเคลื่อน ให้ทุกคนได้ประโยชน์มากที่สุด"นายอรุษ กล่าว พร้อมกันนี้ทาง นายอรุษ ยังกล่าวถึง แอพพลิเคชั่น Thai Organic Platform ที่เชื่อมโยงอาหารอินทรีย์ทั้งระบบ ตั้งแต่เกษตรกรอินทรีย์ ผู้ประกอบการ และผู้บริโภค โดยโครงการนี้ได้รับทุนสนับสนุนจาก สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ เพื่อให้ผู้บริโภคได้เข้าถึงเกษตรกรอินทรีย์ ทราบถึงกิจกรรมการท่องเที่ยว การประชุมกลุ่ม การตรวจแปลง ความรู้การทำเกษตรอินทรีย์ และการมีส่วนร่วมขับเคลื่อน ซึ่งจะดำเนินการได้เต็มรูปแบบในช่วงเดือนธันวาคม 2562 เพื่อต่อยอดการทำงานด้านสังคมอินทรีย์สู่ระดับสากลต่อไป สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ ทั้งนี้ นาย อนัฆ นวราช ผู้จัดการทั่วไปสวนสามพราน กล่าวว่า สวนสามพราน ประกอบไปด้วย ปฐม ออร์แกนิก วิลเลจ ที่ปรับเปลี่ยนศูนย์แสดงวัฒนธรรมไทย (หมู่บ้านไทย) มาเป็นหมู่บ้านแปรรูปสินค้าอินทรีย์ ตามวิถีชีวิตแบบไทย ที่ยึดหลักปัจจัย 4 ผ่านการทำกิจกรรมตามเส้นทางวัตถุดิบ สร้างประสบการณ์ โดยมีกิจกรรมให้เลือกทำ มากกว่า 12 ฐาน เพื่อเรียนรู้ระบบอาหาร ศิลปะหัตกรรมไทย ตั้งแต่การทำปัจจัยการผลิต การผลิต การแปรรูป เป็นผลิตภัณฑ์พร้อมจำหน่าย โดยมีเจ้าหน้าที่ สามพรานโมเดล อะคาเดมี ให้คำปรึกษาให้ข้อมูลอย่างใกล้ชิด ขณะที่ ปฐม ออร์แกนิก ฟาร์ม เป็นอีกโซนกิจกรรมที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่อยากใกล้ชิดธรรมชาติ และอยู่ในบรรยากาศฟาร์มอินทรีย์ ที่พัฒนาสวนผลไม้เก่า 30 ไร่ ริมแม่น้ำท่าจีน เป็นออร์แกนิกฟาร์ม มีกิจกรรมท่องเที่ยวฟาร์มที่อิงกับวัตถุดิบตามฤดูกาล เช่น ชิมชาสมุนไพร เวิร์คช็อปการทำเกษตรอินทรีย์เบื้องต้น การเปิดครัวไทยให้ทำอาหาร ด้วยการเก็บพืชผักสดอินทรีย์ มาทำอาหาร และมีกิจกรรมสไลเดอร์โคลน ให้สนุกสนานอีกด้วย รวมไปถึง ตลาดสุขใจ ที่เปิดบริการมาแล้ว 9 ปี เป็นช่องทางการตลาดของเกษตรกรอินทรีย์ โดยทำงานร่วมกับเกษตรกรอินทรีย์ ในนครปฐม และจังหวัดใกล้เคียง จำนวน 16 กลุ่ม กว่า 180 ครอบครัวที่เปลี่ยนจากการใช้สารเคมี มาทำเกษตรอินทรีย์ และ การบริหารจัดการขยะและสิ่งแวดล้อม โดยมีฐานสาธิต และสถานีทดลองการทำปุ๋ยหมักในหมู่บ้านปฐม พร้อมมีเจ้าหน้าที่ให้ความรู้ สอนทำ และแนะนำ รูปแบบให้นำกลับไปทำที่บ้านได้ ทั้งนี้ นาย อนัฆ กล่าวต่อว่า ในช่วง 9 ปีของตลาดสุขใจมีผู้บริโภค มาจับจ่ายซื้อของกว่า 833,000 คน สร้างรายได้ให้เกษตรกรอินทรีย์ที่เข้ามาจำหน่ายอาหารอย่างต่อเนื่อง จนมีเงิน หมุนเวียนในตลาดและเป็นรายได้ตรงถึงเกษตรกรอินทรีย์และชุมชนมูลค่าประมาณ 214 ล้านบาท และปี 2562 นี้ ได้มีการปรับพื้นที่ตลาดสุขใจ เชื่อมโยงกับโซน Patom Organic Village และกิจกรรมในสวนสามพราน เพื่อให้ทุกคนเห็นความเชื่อมโยงของเส้นทางวัตถุดิบและอาหารตั้งแต่ต้นทางการผลิต การแปรรูป และมาสู่ผู้บริโภคที่ตลาดสุขใจ ซึ่งทำให้ผู้บริโภค ได้รับความสะดวกในการซื้อสินค้า รวมถึงได้เห็นการขับเคลื่อนเกษตรกรอินทรีย์เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามเวลานี้ สวนสามพราน มี สมาพันธ์ผู้ผลิตอินทรีย์ไทย พีจีเอส แต่ในปี 2563 ได้วางแผนที่จะตั้งสมาพันธ์ผู้บริโภคอินทรีย์ เพื่อ ระบุตำแหน่งของกษตรอินทรีย์ให้ผู้บริโภค หรือผู้ประกอบการได้ทราบข้อมูลที่แท้จริง จากแหล่งผลิต เป็นการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้จากการมีส่วนร่วมบนพื้นฐานของการค้าที่เป็นธรรม โดยมีดิจิทัลแพลตฟอร์มเชื่อมระหว่างต้นน้ำ กลางน้ำปลายน้ำอีกด้วย