นายพาที สารสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เรียลลี เรียลลี คูล กล่าวว่า ในปัจจุบันนักท่องเที่ยวชาวจีนมีทางเลือกมากมาย เนื่องจากทุกประเทศในเอเชียพยายามที่จะแสวงหาส่วนแบ่งทางการตลาดที่เพิ่มมากขึ้นจากนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากจีน ดังนั้นทางบริษัท เรียลลี เรียลลี คูล จึงร่วมกับบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ Bangkok Dusit Medical Services (BDMS) เสนอแพ็กเกจท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ที่ออกแบบมาพิเศษโดยเฉพาะสำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีน เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางมาไทย ขณะนี้ประเทศญี่ปุ่นมีอัตราการเติบโตของนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางไปประเทศญี่ปุ่นถึง 14% เมื่อเทียบกับการเติบโตของนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมายังประเทศไทยที่เพิ่มขึ้นเพียง 1% เท่านั้น อีกทั้งนักท่องเที่ยวชาวจีนยังมีการจับจ่ายใช้สอยที่ประเทศญี่ปุ่นมากกว่าที่ประเทศไทยถึง 18% เพราะฉะนั้นหากประเทศไทยต้องการเป็นจุดหมายปลายทางที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวชาวจีน นวัตกรรมจึงเป็นกุญแจสำคัญ ในการที่จะดึงนักท่องเที่ยวจากจีนมาประเทศไทย ก่อนจะสูญเสียธุรกิจการท่องเที่ยวจากจีนไปยังจุดหมายปลายทางในประเทศอื่น ๆ ของเอเชีย สำหรับปัญหาสำคัญหลายประการที่ส่งผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย ประการแรกและมีความสำคัญที่สุด คือ ภาวะที่ค่าเงินบาทแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง ประการต่อมาคือเรื่องของวีซ่า ปัจจุบันนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางมายังประเทศไทยสามารถยื่นขอวีซ่าได้เมื่อเดินทางมาถึงสนามบิน แต่ต้องรอคิวนาน ซึ่งในทางกลับกันญี่ปุ่นอนุญาตให้ทำวีซ่าเข้าประเทศสำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ต้องการเดินทางมาญี่ปุ่นนานถึง 5 ปี "เวลานี้ทางเรียลลี เรียลลี คูล อยากจะเสนอต่อผู้กำหนดนโยบายของประเทศไทย คือให้มีวีซ่าเข้าประเทศนาน 3 ปี สำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวแบบอิสระ หรือ เอฟไอที ซึ่งนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับการจ่ายค่าธรรมเนียมวีซ่า แต่จะมองหาความสะดวกสบายในการเดินทางเป็นหลัก ดังนั้นถ้าสามารถแก้ไขปัญหาเรื่องการขอวีซ่าได้ จะเป็นการช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางมาประเทศไทยเพื่อการรักษาทางการแพทย์ได้มากขึ้น ” นายพาที กล่าว ทั้งนี้ นายพาที ยังกล่าวต่อว่า ทาง เรียลลี เรียลลี คูล ประมาณการว่าประเทศไทยจะมีนักท่องเที่ยวทางการแพทย์จากจีนมากถึง 50,000-60,000 คนต่อปี ซึ่งปัจจุบันมีสายการบินหลายแห่งที่ให้บริการบินเส้นทางระหว่างกรุงเทพฯ และเมืองสำคัญ ๆ ในประเทศจีน เช่น ปักกิ่ง และเซี่ยงไฮ้ แต่ช่วงเวลาของเที่ยวบินที่เดินทางมาถึง ยังไม่สะดวกมากนัก เพราะผู้โดยสารต้องบินออกจากประเทศจีนตอนดึก และมาถึงประเทศไทยเร็วเกินไป และจะพบปัญหาเดียวกันเมื่อเดินทางกลับ ซึ่งปัญหาดังกล่าวทางหน่วยงานที่รับผิดชอบควรดำเนินการหารือกับผู้ประกอบการในการจัดตารางเวลาบินของสายการบินที่เหมาะสมมากขึ้น จากรายงานของ Medical Medical Travel Journal ในปี 2561 ประเทศไทยถูกจัดอันดับเป็นที่ 3 ของโลกในด้านรายได้จากการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ จำนวนผู้ป่วยชาวจีนที่เพิ่มขึ้นกำลังมองหาโปรแกรมการดูแลรักษาและการป้องกัน เช่น การต่อต้านริ้วรอย การทำเด็กหลอดแก้ว การตรวจสุขภาพและการรักษาทางเลือก เป็นต้น