TPIPP เล็งร่วมพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคใต้ Southern Seaboard รับนโยบายภาครัฐ สร้างแผนลงทุน ‘เมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต’ มั่นใจความพร้อมด้านเงินทุน พร้อมศึกษาแผนจิกะโปรเจกต์ พัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดสีเขียวขนาดใหญ่ สร้างความมั่นคงด้านพลังงานในพื้นที่ภาคใต้ นายภัคพล เลี่ยวไพรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายบัญชีและการเงิน TPIPP เปิดเผยว่า จากที่รัฐบาลมีนโยบายผลักดันโครงการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคใต้ (Southern Seaboard) เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีแผนเปิดให้ภาคเอกชนเข้ามาพัฒนาโครงการ ‘เมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต’ และได้กำหนดให้จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็น Energy Complex ที่เชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมเกษตร รองรับการเจริญเติบโต คาดว่าในอนาคตจะเกิดความต้องการใช้ไฟฟ้าในภาคใต้เพิ่มขึ้นจำนวนมาก ทั้งนี้แผนการลงทุนของภาคเอกชนในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ มีทั้งหมด 4 โครงการประกอบด้วย 1.พลังงานไฟฟ้าทางเลือก 2.การก่อสร้างท่าเรือเพื่อการพาณิชย์และการท่องเที่ยว 3.การสร้างรางรถไฟเชื่อมโยงท่าเรือสงขลาแห่งที่สอง 4.นิคมอุตสาหกรรมจะนะ จังหวัดสงขลา เช่น โรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงจากขยะ โรงไฟฟ้าพลังงานลม โรงไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โรงไฟฟ้าชีวมวล ซึ่งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยบริษัทมีความสนใจลงทุนพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาด สีเขียว ในพื้นที่ Southern Seaboard โดยมีความพร้อมด้านเงินทุนและฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง ปัจจุบันมีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ในระดับต่ำ และมีเงินสดในมือกว่า 5,000 ล้านบาท ถือว่ามีศักยภาพสูงในการกู้ยืมเงินเพื่อขยายการลงทุน ขณะเดียวกันยังมีพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง คือ บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ ที่จะช่วยให้แผนการลงทุนเป็นไปตามเป้าหมาย โดยอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) ต้องไม่น้อยกว่า 17% เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อผู้ถือหุ้น นอกจากนี้ยังได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการช่วยลดปัญหาขยะและพัฒนาความสะอาดให้ประเทศ อีกทั้งการเข้าไปพัฒนาโรงไฟฟ้าจะช่วยสร้างงานให้กับคนท้องถิ่นมีรายได้มากขึ้น ตอกย้ำศักยภาพผู้นำอันดับหนึ่งโรงไฟฟ้าพลังงานสีเขียวที่ช่วยกำจัดขยะให้ประเทศ (Green & Clean Energy) นอกจากนี้บริษัทยังสนใจที่จะเข้าร่วมประมูลโครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชนในจังหวัดสงขลาและจังหวัดนครราชสีมา กำลังการผลิตแห่งละ 10 เมกะวัตต์ โดยมีอัตรารับซื้อไฟฟ้าอยู่ที่ 5.78 บาทต่อหน่วย เป็นระยะ 7 ปี และหลังจากนั้นจะมีอัตรารับซื้อไฟฟ้าอยู่ที่ 5.08 บาทต่อหน่วย ในระยะเวลา 20 ปี พร้อมได้รับค่ากำจัดขยะ 400-500 บาท ต่อตัน