วันที่ 16 พ.ย.62 นายไพบูลย์ นิติตะวัน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่ตนได้ ยื่นเรื่องคำร้องเมื่อวันที่ 6 พ.ย.ที่ผ่านมา เพื่อขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณาวินิจฉัยเสนอเรื่องพร้อมด้วยความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญกรณีพระราชบัญญัติคำสั่งเรียกของคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา พ.ศ. 2554 มาตรา 5 มาตรา 8 และมาตรา 13 มีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 129 ซึ่งวานนี้(15 พ.ย.)ผู้ตรวจการแผ่นดินได้มีมติเป็นเอกฉันท์ เห็นชอบให้เสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาวินิจฉัยต่อไปในวันเดียวกันนั้น
นายไพบูลย์ กล่าวการที่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธานคณะกรรมาธิการ การป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ(กมธ.ปปช) สภาผู้แทนราษฎร ได้ลงนามในหนังสือด่วนที่สุด ที่ สผ.0019.05 /945 เชิญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มาชี้แจงแถลงข้อเท็จจริงต่อ กมธ.ปปช.ในวันพุธที่ 20 พ.ย. 2562 ในประเด็นข้อซักถาม ระบุไว้ 16 ข้อ
ทั้งนี้ เนื้อหาในหนังสือระบุว่าอาศัยอำนาจตามมาตรา 129 วรรคสี่ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ประกอบมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติคำสั่งเรียกของคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา พ.ศ. 2554 โดยหนังสือระบุไว้มุมบนขวาว่า กมธ.(บค.)1 นั้น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธาน กมธ ปปช.ได้ดำเนินการออกหนังสือฉบับดังกล่าว ตามแบบ กมธ.(บค.)1 เป็นไปตาม พ.ร.บ.คำสั่งเรียกของคณะกรรมาธิการฯมาตรา 6 ทั้งนี้ตนได้ตรวจสอบพบว่า ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 129
นายไพบูลย์ กล่าวว่า เนื่องจากได้บัญญัติให้คณะกรรมาธิการมีอำนาจ”สอบสวน “ซึ่งเป็นการขัดต่อเอกสารหลักฐานความมุ่งหมายและคำอธิบายประกอบรายมาตราของรัฐธรรมนูญ มาตรา 129 ที่อธิบายไว้ ว่าเจตนารมณ์แห่งรัฐธรรมนูญ วางหลักการใหม่ให้คณะกรรมาธิการไม่มีอำนาจ”สอบสวน” แต่ให้มีอำนาจเพียง “สอบหาข้อเท็จจริง” เท่านั้น จึงทำให้ พ.ร.บ. คำสั่งเรียกของคณะกมธ.ฯมาตรา 6 ซึ่งปรากฏให้คณะกรรมาธิการมีอำนาจ “สอบสวน”จึงขัดต่อความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 129 เช่นเดียวกับ พ.ร.บ.คำสั่งเรียกของกมธฯมาตรา 5 มาตรา 8 และมาตรา 13 ซึ่งผู้ตรวจการแผ่นดินมีความเห็นไปแล้วว่า มาตราดังกล่าว ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 129
ดังนั้นการออกหนังสือเรียกให้นายกรัฐมนตรีมาชี้แจงครั้งล่าสุดของพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธาน กมธ.ป.ป.ช.นอกจากขัดต่อรัฐธรรมนูญแล้ว ในหนังสือฉบับดังกล่าวยังระบุเรื่องที่ขอให้ชี้แจงแถลงข้อเท็จจริงคำถามจำนวน 16 ข้อที่ไม่อยู่ในกรอบอำนาจของกมธ.ป.ป.ช. วิญญูชนที่ได้อ่านคำถามดังกล่าวแล้ว ย่อมเห็นได้อย่างชัดเเจ้งว่า มีเจตนาจงใจกลั่นแกล้งผู้ที่ต้องไปชี้แจงแถลงข้อเท็จจริง จึงอาจเข้าข่ายเจ้าหน้าที่รัฐ ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และประกอบกับกรณีดังกล่าวผู้ตรวจการแผ่นดินได้เสนอเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย พ.ร.บ.คำสั่งเรียกของกมธฯขัดหรือเเย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา129 แล้ว
“ผมจึงเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ควรปฏิเสธไม่ไปชี้แจงต่อ คณะกมธ.ป.ป.ช. ตามหนังสือที่ สผ.0019.05/945 หรือพิจารณาส่งคืนหนังสือฉบับดังกล่าว โดยเหตุที่เป็นการออกหนังสือโดยมิชอบด้วยกฎหมายหลายประการ และพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธาน กมธ.ป.ป.ช.ควรเร่งขอยกเลิกหนังสือฉบับดังกล่าวโดยเร็ว เพื่อป้องกันการถูกฟ้องร้องดำเนินคดีต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157” นายไพบูลย์ กล่าว