คลื่นลมในทะเลชายฝั่งจังหวัดสงขลาเริ่มมีความรุนแรง ชาวประมงพื้นบ้านบ้านบ่ออิฐหยุดออกเรือทำการประมง และนำเรือขึ้นฝั่ง หลังศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก เตือนบริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันมีกำลังแรงขึ้น อ่าวไทยทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ 15 พ.ย.62 คลื่นลมบริเวณชายฝั่งจังหวัดสงขลา เริ่มมีกำลังแรงขึ้น หลังศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก เตือนบริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้ฝั่งตะวันออกมีฝนเพิ่มมากขึ้น และมีฝนหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี และนราธิวาส ในระหว่างวันที่ 15-16 พ.ย. 2562 ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยของจังหวัดชุมพรลงมาระมัดระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักในช่วงดังกล่าวด้วย ส่วนอ่าวไทยทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังในระยะ 1-2 วันนี้ ขอให้ชาวเรือติดตามประกาศจากศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออกอย่างใกล้ชิด ส่งผลทำให้ชาวประมงพื้นบ้านที่บ้านบ่ออิฐ ต.เกาะแต้ว อ.เมือง จ.สงขลา ได้นำเรือประมงที่อยู่ในพื้นที่ขึ้นเก็บบนชายหาดบ่ออิฐ และเลื่อนเรือขึ้นไปให้ขึ้นไปอยู่บนชายหาด เนื่องจากขณะนี้คลื่นลมเริ่มแรงคลื่นซัดน้ำทะเลขึ้นมาถึงบริเวณจอดเรือริมชายหาดแล้ว หลังมีประกาศเตือนคลื่นลมในทะเลมีความรุนแรงขึ้น และจะต้องหยุดทำการประมงต่อไปอีก 1 – 2 วัน ระหว่างวันที่ 15-16 พ.ย. 2562 หรือจนกว่าคลื่นลมจะลดความรุนแรงลง คาดว่า ประมาณวันที่ 17 พ.ย. 2562 จะสามารถนำเรือออกไปทำการประมงได้ตามปรกติ โดยชาวประมงพื้นบ้านได้ทำการเตรียมความพร้อมของเรือที่จะออกจับปลาไว้ในเรือแล้ว ซึ่งจะสามารถออกเรือได้ทันที หากไม่มีประกาศเตือนรอบใหม่เข้ามาอีก เนื่องจากชาวประมงพื้นบ้านมีความเชื่อถือและมั่นใจในการรายงานสภาพอากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา ที่รายงานทางสถานีโทรทัศน์ทุกวัน มีความชัดเจนและเชื่อถือได้ จึงต้องฟังรายงานอากาศก่อนออกเรือทางสถานีโทรทัศน์ทุกวัน เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน