วันนี้ (15 พ.ย.62) เมื่อเวลา 10.24 น. ที่พรรคอนาคตใหม่ อาคารไทยซัมมิท นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ได้เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเพื่ออ่านคำแถลงปิดคดีความเป็นส.ส.สิ้นสุดลงหรือไม่จากกรณีการถือหุ้นบริษัทวีลัค มีเดีย จำกัด ซึ่งเป็นเอกสารที่ได้ส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยชี้ขาดในวันที่ 20 พ.ย. โดยสาระสำคัญของการแถลงข่าวของนายธนาธรมีด้วยกัน 4 ประเด็น ดังนี้ ประเด็นที่ 1 บริษัทวีลัคมีเดียเป็นสื่อหรือไม่ โดยนายธนาธร ระบุว่า การถือหุ้นที่เป็นประเด็นขึ้นมาเริ่มต้นที่สกลนคร ภายหลังกกต.ส่งเรื่องไปศาลฎีกาให้วินิจฉัยคุณสมบัติความเป็นผู้สมัครส.ส.สกลกนครของพรรคอนาคตใหม่ โดยคดีนั้นศาลฎีกาพิจารณาที่หนังสือบริคณห์สนธิเป็นหลักว่ากิจการใดเป็นกิจการสื่อมวลชน โดยถ้ามีวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับกิจการสื่อมวลชนถือว่าผิดตัดสิทธิทันที แต่ในคดีอื่นทำนองเดียวกัน เช่น คดีการถือหุ้นของส.ส. ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาเห็นต่างจากศาลฎีกาโดยศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาถึงจากงบการเงินด้วย สำหรับบริษัทวีลัคได้ผลิตนิตยสารWHO ฉบับสุดท้ายเดือนต.ค.2559 โดยเป็นผลิตภัณฑ์ของวีลัค ส่วนหนังสือจิ๊บจิ๊บบริษัทวีลัคเป็นแค่ผู้ผลิต โดยผู้เป็นเจ้าของหนังสือดังกล่าวคือบริษัทนกแอร์ ส่วนหนังสือ Wealth บริษัทวีลัคเป็นผู้ผลิตแต่ธนาคารไทยพาณิชย์เป็นเจ้าของ และปิดกิจการตั้งแต่วันที่ 25 พ.ย. 2561 และยุติการดำเนินการและไม่มีพนักงานและบริษัทไม่มีรายได้ตั้งแต่ 26 พ.ย.2561 ดังนั้น วีลัคยุติกิจการไปแล้วและไม่มีผลิตภัณฑ์แล้ว เช่นนี้จะเป็นสื่อมวลชนได้อย่างไร เป็นบริษัทที่ไม่มีการปฏิบัติการใดๆแต่เป็นบริษัทที่รอการชำระบัญชีเท่านั้น 2.ธนาธรยังเป็นผู้ถือหุ้นหรือไม่ โดยในคำร้องของกกต.ระบุว่าตนยังเป็นผู้ถือหุ้น 21 มี.ค.2562 โดยอ้างอิงเอกสารสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น หรือ แบบบอจ.5 ที่บริษัทที่ได้แจ้งไว้กับกระทรวงพาณิชย์ แต่การจะดูว่าการเปลี่ยนแปลงหุ้นสำเร็จหรือไม่ต้องพิจารณาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1129 และ 1141 ดังนั้น ถ้าไม่มีหลักฐานเป็นอื่นหรือมีน้ำหนักพอ ต้องถือว่าธุรกรรมโอนหุ้นสำเร็จตั้งแต่วันที่มีการทำธุรกรรมไปแล้ว คือ 8 ม.ค.2562 3.การถือหุ้นผิดเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งรัฐธรรมนูญพ.ศ.2560 มาตรา 98 (3) เริ่มมีตั้งแต่รัฐธรรมนูญ2550 โดยรายงานการพิจารณาของสภาร่างรัฐธรรมนูญในเวลานั้นมีการอภิปรายว่ามาตรานี้มีขึ้นเพราะผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้เข้าแทรกแซงสื่อทางตรงและอ้อม และการที่ไปเป็นเจ้าของสื่อทำให้กลไกการตรวจสอบพิการ และที่สำคัญไปกระทบเสรีภาพของประชาชน ในประเด็นนี้อยากจะชี้ให้เห็นว่านิตยสารที่ผลิตโดยบริษัทวีลัค ไม่เคยให้คุณให้โทษในทางการเมืองแม้แต่นิดเดียว นอกจากนี้ วันที่นิตยสารปิดตัวลงและไม่มีรายได้แล้ว เกิดขึ้นก่อนที่จะมีใครรู้ว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นเมื่อใด โดยพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งพ.ศ.2562 ประกาศใช้เมื่อวันที่ 23 ม.ค. 2562 แต่บริษัทปิดไปก่อนหน้านี้แล้ว เราไม่มีเจตนาจะคงบริษัทอยู่ เราปิดก่อนจะมีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งด้วยซ้ำ 4.กระบวนการพิจารณาคดีเป็นธรรมหรือไม่ ทั้งนี้คณะกรรมการสืบสวนของกกต.กำลังดำเนินการและเรียกพยานมาในวันที่ 22 พ.ค. 2562 แต่ปรากฎว่ากกต.ชุดใหญ่ได้ส่งฟ้องศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 16 พ.ค.2562 ทั้งๆที่คณะกรรมการสอบสวนยังพิจารณาไม่เสร็จสิ้น กระบวนการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญเป็นศาลชั้นเดียว แค่เรื่องนี้ก็มีน้ำหนักพอให้ศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้องแล้ว นายธนาธร กล่าวต่อว่า จากทั้ง 4 ข้อถ้าถามว่าตนผิดอะไร คำตอบ คือ มันไม่ใช่เรื่องหุ้นสื่อ แต่ ความผิดของตน คือ การต่อต้านการสืบทอดอำนาจของคสช. ตนฝันเห็นว่าทุกคนเท่าเทียมกันมีนิติรัฐ นิติธรรม เราฝันเห็นประเทศไทยที่มีความก้าวหน้า และประเทศไทยที่ไม่มีรัฐประหาร ความฝันเช่นนี้มันเป็นผิดบาปมากนักหรือในประเทศนี้ "เพื่อให้ได้ความฝันนี้เราจึงตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาเพื่อมาต่อสู้เรียกร้องความฝันของเราตามระบบ รณรงค์หาเสียงเลือกตั้งตามกฎหมาย ฝันอะไรก็บอกประชาชนอย่างนั้น เมื่อเสร็จสิ้นการเลือกตั้งและผลการเลือกตั้งออกมา เราก็ทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ เราสู้ในสภาอย่างภาคภูมิใจ เพื่อให้ประชาชนเห็นถึงความตั้งใจของพรรคในการต่อสู้ในสภา เราต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็รณรงค์อย่างสันติ การตั้งพรรคการเมืองเพื่อสร้างความฝันของเราให้เป็นจริง มันเป็นความผิดบาปมากขนาดนั้นเลยเหรอในประเทศนี้" นายธนาธร กล่าวต่อว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีอายุเกิน 70 ปีหลายคนผ่านเหตุการณ์รัฐประหารมาแล้วหลายครั้ง ตนเกิดปี 2521 ผ่านเหตุการณ์รัฐประหาร 4 ครั้ง เราจะอยู่ในสังคมอย่างนี้ต่อไปหรือ ตอนนี้เป็นเวลาที่ควรจะมาทบทวนประวัติศาสตร์ว่าเกิดอะไรมาบ้างในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา บุคคลต่างๆมีส่วนทำให้สังคมเดินมาถึงจุดนี้ ถึงเวลาที่เราต้องส่งเสียงกันและพาสังคมออกจากจุดนี้ วันนี้สังคมมีความแตกต่างทางความคิดสองส่วน ระหว่าง การพาประเทศเดินหน้าไปด้วยประชาธิปไตย กับ การพาประเทศเดินหน้าไปด้วยระบบอำนาจนินิยม คนที่จะตัดสินได้ดีที่สุดควรจะเป็นประชาชนผู้ทรงสิทธิและเสรีภาพในการเลือกอนาคตของประเทศไทยด้วยตัวเอง