ผู้สื่อข่าวรายงานภาวะการซื้อขายหลักทรัพย์ภาคเช้าวันนี้(14พ.ย.)ดัชนีปิดที่ 1,612.04 จุด ลดลง 3.10 จุด (-0.19%) มูลค่าการซื้อขาย 25,183.80 ล้านบาท การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ โดยดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,619.86 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,605.32 จุด นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บล.เคทีบี(ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ยังอยู่ในโหมดของความไม่มั่นใจทิศทาง เห็นได้จาก 2 วันที่ผ่านมามีความผันผวนมากตามปัจจัยนอกประเทศ ทั้งการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีนไม่แน่นอน และสถานการณ์ในฮ่องกงที่บานปลาย นอกจากนี้ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนงวดไตรมาส 3/62 ติดลบ 20% จากปีก่อนเป็นการส่งสัญญาณการชะลอตัวอย่างชัดเจน รับผลกระทบจากสงครามการค้าและเงินบาทแข็งค่า อีกทั้งแนวโน้มเศรษฐกิจยังไม่ดี และแนวโน้มผลดำเนินงานงวดไตรมาส 4/62 ไม่คิดว่าจะดีขึ้นด้วย จึงไม่เอื้อต่อการลงทุน ทำให้มีแรง Take profit ออกมาชัดเจน แต่ยังมีแรงซื้อกลับหุ้นที่มีผลประกอบการดีเมื่อราคาปรับลงไป ขณะที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ติดลบไม่มาก ยกเว้นตลาดหุ้นฮ่องกง ด้านราคาน้ำมันก็ถือว่ายังแข็งแกร่ง ปัจจัยที่ยังต้องติดตามคือ ข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน และแนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนจะมีนักวิเคราะห์ฯทยอยปรับประมาณการหรือไม่อย่างไร รวมทั้งติดตามกระบวนการถอดถอนประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่าย ตลาดฯคงแกว่งตัว ให้แนวรับ 1,600 ถัดไป 1,590-1,580 จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,620 จุด สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ได้แก่ STEC มูลค่าการซื้อขาย 1,331.13 ล้านบาท ปิดที่ 14.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท,PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,172.97 ล้านบาท ปิดที่ 45.00 บาท ลดลง 0.25 บาท,KBANK มูลค่าการซื้อขาย 880.73 ล้านบาท ปิดที่ 149.00 บาท ลดลง 0.50 บาท,IVL มูลค่าการซื้อขาย 817.93 ล้านบาท ปิดที่ 30.25 บาท ลดลง 1.50 บาท,AOT มูลค่าการซื้อขาย 738.10 ล้านบาท ปิดที่ 78.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท