บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK ผู้ให้บริการเช่าซื้อรถจักรยานยนต์รายใหญ่ในประเทศไทย รายงานผลประกอบการไตรมาส3 กำไรสุทธิ 141 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 56.7% สูงสุดในรอบ 6 ปีที่ผ่านมา ทุบสถิติ 25 ไตรมาส และผลประกอบการ 9 เดือนแรก มีกำไรสุทธิ 371 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.1% คุณภาพลูกหนี้มีแนวโน้มดีขึ้นเนื่องจากนโยบายเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อรถจักรยานยนต์มาตั้งแต่ครึ่งหลังของปี 2561 หรือตลอด 5 ไตรมาสที่ผ่านมา โดยบริษัทยังมีนโยบายเร่งขยายธุรกิจในต่างประเทศ เนื่องจากมีโอกาสเติบโตอีกมากคาดสิ้นปีสัดส่วนลูกหนี้เช่าซื้อรถจักรยานยนต์โต 20% คาดการณ์เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจในประเทศยังคงเติบโตแบบชะลอตัวเนื่องจากปัจจัยกดดันจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนค่าเงินบาทแข็งส่งผลต่อภาคส่งออกของประเทศ สินค้าเกษตรมีราคาลดลงต่อเนื่องและหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น  นางสาวปฐมา พรประภากรรมการผู้จัดการ บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติงบการเงินสำหรับรอบบัญชีสิ้นสุดไตรมาส 3 โดยรายได้รวมไตรมาส 3 ปี 2562 จำนวน 937.4 ล้านบาท ลดลง 2.4% ในส่วน 9 เดือนแรกปี 2562 รายได้รวม 2,879.6 ล้านบาท ลดลง 0.1% รายได้อื่น ๆ ไตรมาส 3 ปี 2562 จำนวน 210.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.2% และในส่วน 9 เดือนแรก รายได้อื่น ๆ จำนวน 559.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.7% เป็นผลมาจากบริหารจัดการหนี้ที่มีประสิทธิภาพทั้งจากการที่บริษัทมีนโยบายเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อการบริหารหนี้จนได้รับหนี้สูญคืน และการเร่งตัดหนี้สูญต่อเนื่องมา 5 ไตรมาส จากกลางปี 2561 และไตรมาส 3 ลูกหนี้เช่าซื้อรวม 8,020.5 ล้านบาท ลดลง 13.0% จากสิ้นปี 2561 โดยลูกหนี้เช่าซื้อรถจักรยานยนต์ในต่างประเทศ จำนวน 1,167.0 ล้านบาท เพิ่มสัดส่วนเป็น 15.4% ในไตรมาส 3 นอกจากนี้ บริษัทมีนโยบายเร่งขยายตลาดในต่างประเทศ  ด้วยการเพิ่มสาขาในต่างประเทศอีก 9 สาขาภายในปีนี้ โดยในกัมพูชา เพิ่ม 6 สาขา ให้ครบจำนวน 12 สาขา และเพิ่ม 3 สาขา รวมเป็น 6 สาขาใน สปป.ลาว นอกจากนี้ TK เดินหน้าเริ่มให้บริการ Micro Finance ในเมียนมา ภายใต้ชื่อ บริษัท มิงกะละบา ฐิติกร ไมโครไฟแนนซ์ จำกัด ในไตรมาสนี้โดยได้เริ่มปล่อยสินเชื่อไปบ้างแล้วและได้รับความสนใจจากลูกค้าเป็นที่น่าพอใจทั้งนี้ คาดว่าสิ้นปีนี้สัดส่วนลูกหนี้เช่าซื้อรถจักรยานยนต์ในต่างประเทศจะเพิ่มขึ้น20%  ทางด้าน นายประพล พรประภากรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK รายงานว่า ตลาดรถจักรยานยนต์ในประเทศในช่วง 9 เดือนแรก มียอดจำหน่าย 1,327,653 คัน ลดลง 2.8% และในส่วนของยอดจำหน่ายรถยนต์ในช่วง 9 เดือนแรก มีจำนวน 761,847 คัน เพิ่มขึ้น 2.0% อีกทั้งอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศมีการปรับเป้าการผลิตรถยนต์ลง150,000 คัน เหลือ 2,000,000 คันเป็นผลมาจากกำลังซื้อภายในประเทศและสงครามการค้าสหรัฐอเมริกาและจีนซึ่งคาดว่าเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจภายในประเทศจะยังคงเติบโตแบบชะลอตัวไปอีกสักระยะหนึ่งเนื่องจากปัจจัยกดดันจากสงครามดังกล่าว ประกอบกับค่าเงินบาทแข็ง 16% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เทียบกับเงินดอลล่าร์สหรัฐ(USD) อีกทั้งค่าเงินยังทำสถิติแข็งค่าใหม่ในรอบ 6 ปีส่งผลต่อภาคส่งออกของประเทศ ประกอบกับสินค้าเกษตรมีราคาลดลงต่อเนื่องและหนี้ครัวเรือนที่สูงถึง 78.7% ของ GDP อย่างไรก็ตาม TK มีความพร้อมทางด้านฐานทุนและการเงินโดย Tris Rating ให้ A- (Stable) กับ TK ต่อเนื่องกันเป็นเวลาเกือบ 10 ปี ตั้งแต่ปี 2553