ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์แบบต่ออายุได้เพื่อธุรกิจโรงแรมและสิทธิการเช่า “สตราทีจิก ฮอสพิทอลลิตี้” หรือ SHREIT ประกาศรายได้ไตรมาส 3/62 ที่ 133 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 73 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 79% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส 3 ของปีที่แล้วจากผลการดำเนินงานได้พิสูจน์ถึงจุดเด่นของสินทรัพย์ และกลยุทธ์การลงทุนในโรงแรมในภูมิภาคซึ่งมีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง ซึ่งสามารถบรรเทาความเสี่ยงจากปัจจัยภายในประเทศ ตลอดจนความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และเพิ่มผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นได้ในระยะยาว นายคริสตอป วายบี แองเจโล่ ฟอซิเนสติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตราทีจิก พร็อพเพอร์ตี้ อินเวสท์เตอร์ส จำกัด ผู้จัดการกองทรัสต์อิสระที่บริหารโดยมืออาชีพ ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ SHREIT เปิดเผยว่า กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์แบบต่ออายุได้เพื่อธุรกิจโรงแรมและสิทธิการเช่า ‘สตราทีจิก ฮอสพิทอลลิตี้’ หรือ SHREIT แจ้งผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 3/2562(ก.ค.-ก.ย.)มีรายได้รวมอยู่ที่ 133 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 73 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 79% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส 3 ของปีที่ผ่านมา ส่งผลให้งวดผลการดำเนินงานใน 9 เดือนแรกของปี 2562 (ม.ค.-ก.ย.)รายได้รวมอยู่ที่ 335 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิปิดอยู่ที่ 155 ล้านบาท โดยกลยุทธ์ของเราคือการเข้าเป็นเจ้าของในโรงแรมที่ตั้งอยู่ในประเทศซึ่งมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง เป็นสิ่งที่ทำให้เราแตกต่างจากกองรีทอื่นๆนอกเหนือจากอัตราผลตอบแทนที่สูง เรายังสามารถกระจายความเสี่ยงได้มากกว่ากองรีทอื่นๆที่เน้นการลงทุนในประเทศ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าการดำเนินงานในอุตสาหกรรมโรงแรมในประเทศค่อนข้างซบเซา โดยเฉพาะในช่วงสองไตรมาสที่ผ่านมา ทั้งนี้ตรงข้ามกับสถานการณ์ในเวียดนามซึ่งเกือบทุกอุตสาหกรรมมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และสำหรับอินโดนีเซียที่แม้ว่าจะเกิดความไม่สงบจากสถานการณ์ทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมา แต่สถานการณ์ในประเทศก็สามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วและเริ่มกลับมาขยายตัว ดังนั้นในระยะยาวยังมีความน่าสนใจ เป็นโอกาสที่ดีที่สามารถใช้ประโยชน์จากการแข็งค่าของเงินบาทเพื่อการเข้าซื้อกิจการใหม่ สำหรับประเทศที่สินทรัพย์ของกองทรัสต์ตั้งอยู่ได้แก่ เวียดนามและอินโดนีเซียนั้น มีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่องโดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)ได้ประมาณการภาพรวมการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนามถึงร้อยละ 6.5 ในปีนี้ โดยการเติบโตส่วนใหญ่มาจากภาคการผลิต ภาคการบริการ และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ซึ่งส่งผลดีต่อสินทรัพย์ของกองทรัสต์ SHREIT ได้แก่ โรงแรม Ibis Saigon และ Capri by Fraser ที่แม้ว่าจะมีการปรับราคาห้องพักเพิ่มขึ้น แต่อัตราการเข้าพักเฉลี่ยก็ยังสูงกว่า ร้อยละ 60 โดยจุดขายของโรงแรมทั้งสองแห่งคือ มีทำเลที่ตั้งใกล้กับศูนย์แสดงสินค้าไซ่ง่อน(Saigon Exhibition and Convention Center (SECC)) ทำให้โรงแรมเป็นที่ชื่นชอบของนักธุรกิจผู้เข้าร่วมงานแสดงสินค้า เช่นเดียวกันกับนักท่องเที่ยว ขณะที่การเติบโตของ GDP ของอินโดนีเซียในปีนี้คาดการณ์ที่ร้อยละ 5.2 ซึ่งอยู่ในระดับต้นๆของโลก แม้ว่าจะมีเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองอยู่บ้าง ทั้งนี้สินทรัพย์ของกองทรัสต์ SHREIT ได้แก่ โรงแรม Pullman Jakarta Central Park มีทำเลที่ตั้งห่างจากจุดศูนย์กลางการประท้วง จึงไม่ได้รับผลกระทบมากนัก ทั้งอัตราการเข้าพักและจำนวนงานจัดเลี้ยงสัมมนาเริ่มกลับมาอย่างชัดเจนในเดือนตุลาคม จากสถานการณ์ทางการเมืองที่คลี่คลายมากขึ้น โดยมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยทั้งปีสูงกว่าร้อยละ 80 กำไรจากการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นในไตรมาส 3/2562 ส่วนหนึ่งเกิดจากกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน โดยเฉพาะการอ่อนค่าของเงินยูโรเมื่อเทียบกับเงินเหรียญสหรัฐฯ โดยจากผลการดำเนินงานดังกล่าว ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติจ่ายเงินผลประโยชน์ตอบแทนให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ SHREIT จากงวดผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2562 ในอัตรา 0.11 บาทต่อหน่วยลงทุน โดยมีกำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 26 พ.ย.62 และกำหนดจ่ายผลประโยชน์ตอบแทน วันที่ 25 ธ.ค.62 ซึ่งหากรวมกับการจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนใน 2 ไตรมาสที่ผ่านมาจำนวนเงินรวม 0.38 บาทต่อหน่วยแล้วนั้น ทำให้ ณ 9 เดือนแรกของปีนี้ กองทรัสต์ SHREIT ได้จ่ายผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหน่วยไปแล้วรวมทั้งสิ้น 0.49 บาทต่อหน่วยลงทุน “กองทรัสต์ SHREIT ยังอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้และวางแผนการเข้าลงทุนในสินทรัพย์ใหม่เพิ่มเติม เพื่อเพิ่มศักยภาพและขนาดของสินทรัพย์ อันจะนำมาซึ่งผลตอบแทนที่สูงขึ้นให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในอนาคต และคาดว่าจะได้ข้อสรุปของการเข้าซื้อสินทรัพย์ใหม่เร็วๆนี้”