ช่วงบ่ายวันนี้ ( 13 พ.ย. 2562 ) ที่โบราณสถาน วัดสบร่องขุย บ้านสันขะเจ๊าะ ม.14 ต.ท่าวังทอง อ.เมือง จ.พะเยา คณะครู-นร. โรงเรียนบ้านศาลา ต.ท่าวังทอง อ.เมือง จ.พะเยา เกือบ 100 คน ได้เดินทางไปหาความรู้ทางประวัติศาสตร์เมืองพะเยา โดยเฉพาะเรื่องราวของการกรีดเลือดสาบานหรือให้สัจจะอธิษฐานต่อกันของพญางำเมือง พญาเม็งรายและพ่อขุนรามคำแห่ง ณ ที่แห่งนี้ โดยมีนายถกลธ์ ข่ายสุวรรณ โยธาธิการจังหวัดพะเยาและด.ต.(หญิง ) วชิราภรณ์ ไชยวงค์ งานประชาสัมพันธ์ ตชด.32ค่ายพญางำเมือง คอยให้การต้องรับและเป็นวิทยากรให้ความรู้ นายถกลธ์ เปิดเผยว่า จากหลักฐานที่ทางเจ้าหน้าที่กรมศิลปากรและหลักฐานศิลาจารึกบางส่วนที่พบจากบริเวณวัดสบร่องขุยซึ่งถูกเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์วัดลี อ.เมือง จ.พะเยา ตลอดจนจากคำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่ของชุมชนที่เล่าสืบๆกันมาหลายชั่วอายุคน พอจะอนุมานได้ว่าพื้นที่ของวัดสบร่องขุย คือสถานที่ที่พญางำเมือง พญาเม็งรายและพ่อขุนรามคำแหงเคยใช้เป็นที่กรีดเลือกให้สัตย์สาบานทำสัตยาบันต่อกันว่าจะเป็นมิตรต่อกัน โดยหันหลังไปทางร่องขุยซึ่งมาบรรจบกันกับแม่น้ำสายตาหรือลำน้ำอิงในปัจจุบัน ส่วนวัดสบร่องขุย ก็ถูกทิ้งร้างมาจนปัจจุบัน วัดสบร่องขุย ถือเป็นโบราณสถานที่มีความสำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดพะเยา มีประวัติศาสตร์ที่ต้องเรียนรู้มากมาย เพียงแต่ว่าหลักฐานประเภทศิลาจารึก ถูกทำลายเนื่องจากเกิดความขัดแย้งทางศาสนาในอดีต มีการทุบทำลายโบราณวัตถุ โบราณสถานมากมายในเขตหัวเมืองเหนือ ตลอดจนถูกทำลายโดยกาลเวลาและมนุษย์ที่ต้องการเอาของโบราณไปครอบครองหรือจำหน่าย ปัจจุบันชาวพะเยาจะใช้วัดสบร่องขุยเป็นสถานที่ก่อสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ 3 กษัตริย์ เพื่อให้เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนพะเยา ตลอดจนเป็นการรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของ3 บูรพกษัตริย์เจ้าทั้ง 3 พระองค์ ที่ได้ร่วมสร้างจังหวัดพะเยา เชียงรายและเชียงใหม่ ให้เจริญรุ่งเมืองมาจนถึงปัจุบัน