"ศาลรธน." ชี้ “นวัธ” พ้นสมาชิกภาพส.ส.ตั้งแต่ถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ 16 ต.ค. เหตุต้องโทษประหารชีวิตหนักกว่าจำคุก ไม่ต้องรอให้คดีถึงที่สุด ให้ตำแหน่งส.ส.เขต 7 ขอนแก่นว่างลงในวันที่ศาลอ่านคำวินิจฉัย เริ่มนับถอยหลัง 45 วัน ตราพ.ร.ฎ.จัดเลือกตั้ง คาดกกต.จัดเลือกซ่อม ภายใน 27 ธ.ค.นี้ เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 13 พ.ย.62 ที่ศาลรัฐธรรมนูญตุลาการศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งบัลลังก์เพื่ออ่านคำวินิจฉัย คำร้องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ ม.82 ว่าสมาชิกภาพของ นายนวัธ เตาะเจริญสุข ส.ส.ขอนแก่น เขต 4 สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (6)ประกอบมาตรา 82 (6) หรือไม่ โดยในวันนี้คู่ความทั้ง 2 ฝ่ายส่งผู้แทนมาร่วมรับฟังคำวินิจฉัยของศาล นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ อ่านคำวินิจฉัยว่า คดีมีประเด็นต้องวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพของนายนวัธสิ้นสุดลงหรือไม่ ซึ่งข้อเท็จจริงฟังได้ว่าผู้ถูกร้องเป็น ส.ส.แบ่งเขตเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทย ถูกศาลจังหวัดขอนแก่นพิพากษาลงโทษประหารชีวิตเมื่อวันที่ 24 ก.ย.62 ต่อมาศาลอุทธรณ์ภาค 4 ไม่อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์ กรณีที่รัฐธรรมนูญมาตรา 101 ( 6 ) ให้นำลักษณะต้องห้ามไม่ให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (6) มาเป็นเหตุแห่งการสิ้นสุดสมาชิกภาพ ส.ส. เนื่องจากรัฐธรรมนูญต้องการให้ส.ส. ซึ่งถือเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย เป็นที่ยอมรับนับถือของสาธารณชน ปราศจากเหตุมัวหมองในการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ทำให้เกิดความเสื่อมเสียแก่เกียรติและศักดิ์ศรีของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งในการวินิจฉัยคดีนี้มีข้อพิจารณาว่า คำพิพากษาที่ให้ประหารชีวิตมีความหมายเช่นคำพิพากษาให้จำคุกตามมาตรา 98 (6) หรือไม่ โดยศาลเห็นว่า การต้องโทษประหารชีวิตหนักกว่าโทษจำคุก แม้ต่อมาจะได้รับการลดส่วนโทษก็ยังคงได้รับโทษจำคุกอยู่ดี เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 4 ไม่ให้ปล่อยตัวชั่วคราว นายนวัธจึงเป็นผู้ถูกคุมขังตามหมายของศาล สมาชิกภาพของนายนวัธจึงสิ้นสุดลง ส่วนที่นายนวัธแย้งว่า สมาชิกภาพส.ส.อยู่ภายใต้การคุ้มกันตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (13) ที่กำหนดว่าต้องเป็นคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก ซึ่งถือเป็นหลักประกันการปฏิบัติหน้าที่ของส.ส.ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 125 โดยไม่คำนึงถึงข้อหา นั้น เห็นว่า รัฐธรรมนูญบัญญัติเกี่ยวกับการสิ้นสุดสมาชิกภาพโดยใช้ถ้อยคำแตกต่างกันในหลายลักษณะ เช่น มาตรา 101 (6) ใช้คำว่าต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังตามหมายของศาล หรือมาตรา 98 (7) เคยได้รับโทษจำคุก โดยพ้นโทษไม่ถึง 10 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง หรือมาตรา 98 (9) เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกเพราะกระทำผิดตามกฎหมายป้องกันและปราบปรามการทุจริต แสดงให้เห็นว่ารัฐธรรมนูญ ต้องการให้สมาชิกภาพส.ส. สิ้นสุดลง ด้วยสาเหตุหลายประการ ตามบริบทที่แตกต่างกัน ในกรณีนี้ รัฐธรรมนูญ ใช้คำว่า “ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังตามหมายของศาล” ซึ่งไม่มีคำว่า “ถึงที่สุด” สมาชิกภาพของนายนวัธจึงสิ้นสุดเมื่อต้องคำพิพากษา โดยไม่ต้องรอให้คดีถึงที่สุด และเมื่อสมาชิกภาพส.ส.สิ้นสุดลง ยังมีประเด็นที่ต้องวินิจฉัยต่อไป ว่า สมาชิกสภาพสิ้นสุดลงนับตั้งแต่เมื่อใดตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 (2) กำหนดว่า กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพของส.ส.สิ้นสุดลง ให้ผู้นั้นพ้นตำแหน่งนับแต่วันที่ศาลหยุดปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งกรณีนี้ศาลได้มีคำสั่งให้นายนวัธหยุดปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค. 62 จึงถือว่าวันดังกล่าวเป็นวันที่สมาชิกภาพสิ้นสุดลง และเป็นเหตุให้ตำแหน่งส.ส.เขต 7 ขอนแก่นว่างลง จึงต้องตราพรฎ.ให้มีการจัดเลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ว่างลงภายใน 45 วัน ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 105 (1) ประกอบ 102 จึงให้ถือว่าวันที่ตำแหน่งส.ส.ว่างลงคือวันที่ 13 พ.ย. ที่ศาลอ่านคำวินิจฉัยให้คู่กรณีฟังโดยชอบ ตามพรป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 76 วรรคหนึ่ง ที่บัญญัติให้คำวินิจฉัยของศาลมีผลในวันอ่าน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คาดว่ากกต.จะจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ เขต 7 ขอนแก่น ภายในวันที่ 22 ธ.ค.62 ซึ่งเป็นวันอาทิตยสุดท้ายของกรอบเวลา 45 วัน ในวันเดียวกันศาลรัฐธรรมนูญยังมีคำวินิจฉัยว่าพรก.แก้ไขเพิ่มเติมพ.ร.บ.ส่งเสริมการพัฒนาและคุ้มครองสถาบันครอบครัว พ.ศ. 2562 พ.ศ.2562 ซึงเป็นการแก้ไขเรื่องการขยายเวลาการบังคับใช้พ.ร.บ.ดังกล่าวที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งความเห็นของส.ส.ฝ่ายค้านมาให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ โดยศาลเห็นว่าเป็นการดำเนินการตามรัฐธรรมนูญมาตรา 172 วรรคหนึ่ง