กมธ. ป.ป.ช.สภาฯเดือด”เอ๋”ป่วน “เสรีพิศุทธ์”ระวังติดคุกใช้อำนาจเกินขอบเขต ย้อนสมัย “ปู”ไม่มาแจง ไล่กลับตัวแทน “ตู่-ป้อม”กลับ เจอสวนไม่เข้าข่ายประพฤติมิชอบ ไม่มีอำนาจเรียกสอบ เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 13 พ.ย.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่รัฐสภา ในการประชุมคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริต และประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ที่มี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เป็นประธานการประชุม ทั้งนี้นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. และ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ เข้าร่วมประชุมครั้งแรก ทั้งนี้ที่ประชุมได้เชิญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เข้าแจงกรณีการเสนอร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 เข้าสู่สภาฯ โดยมิชอบ เนื่องจากเห็นว่า ครม.ถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วน ซึ่งถือเป็นการเชิญครั้งที่ 3 แล้ว โดยนายกฯได้มอบหมายให้ พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม เข้าชี้แจง ซึ่งแทนเป็นครั้งแรกที่นายกรัฐมนตรีได้ส่งตัวแทน ขณะที่ พล.อ.ประวิตร ได้ส่งนายประสาร หวังรัตนปราณี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เดินทางนำเอกสารเข้าชี้แจงต่อกรรมาธิการเป็นรอบที่ 3 ซึ่งสาระสำคัญของเอกสารดังกล่าว เป็นการยืนยันว่าการถวายสัตย์ปฏิญาณครบถ้วนตามกฎหมาย ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่ามีนายธีระพงษ์ วงษ์ศิวะวิลาส เลขาธิการคณะรัฐมนตรี และ นายเดชาภิวัฒน์ ณ สงขลา ผอ.สำนักงบประมาณมาร่วมรับฟังการชี้แจงด้วย ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากนั้นเวลา 11.05 น. พล.อ.ชัยชาญ และนายประสาร ได้เป็นตัวแทนในการยื่นเอกสารชี้แจงแทนนายกฯ และพล.อ.ประวิตร ในห้องประชุมต่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ แต่ปรากฏพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ไม่รับการชี้แจงของทั้งสองคน โดยอ้างรัฐธรรมนูญมาตรา 129 วรรค 4 ไม่สามารถลงตัวแทนมาชี้แจงได้ เพราะไม่ใช่การตั้งกระทู้ถาม จะส่งตัวแทนใครมาก็ได้ และไม่อยากรับฟังเพราะไม่ได้เชิญพล.อ.ชัยชาญ และนายประสาร แต่เชิญนายกฯ และพล.อ.ประวิตร ตนไม่รับ จากนั้นพล.อ.ชัยชาญ ชี้แจงว่า การกำหนดให้บุคคลมาชี้แจงข้อเท็จจริงอยู่ในอำนาจของประธาน แต่เรื่องของการถวายสัตย์ถือว่าจบลงไปแล้ว และไม่ได้อยู่ในอำนาจการสอบสวนขององค์กรใด สภาไม่อาจตรวจสอบได้ ส่วนเรื่องของงบประมาณก็ผ่านขั้นรับหลักการของสภาไปแล้ว และอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของสภา ซึ่งทั้ง 2 เรื่องไม่เกี่ยวข้องกับการประพฤติมิชอบ ทำให้ไม่ให้อยู่ในอำนาจตามข้อบังคับที่ 90 (22) ตามอำนาจหน้าที่ของ กมธ. การใช้อำนาจ หรือข้อบังคับการประชุมที่ 90 (22)การสอบหาข้อเท็จจริง การกำหนดให้บุคคลมาชี้แจงข้อเท็จจริงอยู่ในอำนาจของประธาน แต่เรื่องของการถวายสัตย์ถือว่าจบลงไปแล้ว และไม่ได้อยู่ในอำนาจการสอบสวนขององค์กรใด สภาไม่อาจตรวจสอบได้ ส่วนเรื่องของงบประมาณก็ผ่านขั้นรับหลักการของสภาไปแล้ว และอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของสภา ซึ่งทั้ง 2 เรื่องไม่เกี่ยวข้องกับการประพฤติมิชอบ ทำให้ไม่ให้อยู่ในอำนาจตามข้อบังคับ ตามอำนาจหน้าที่ของ กมธ. ขณะที่นายประสาร ที่ชี้แจงยืนยันว่าประเด็นเรื่องการถวายสัตย์เราคงไม่ชี้แจง เพราะถือว่าจบแล้ว สำหรับเรื่องของงบประมาณยืนยันว่า ครม.ได้เสนอไปตาม พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณทุกอย่าง ด้านพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยืนยันว่าตามรัฐธรรมนูญแล้วกรรมาธิการมีอำนาจเชิญเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าชี้แจงในประเด็นปัญหาต่างๆได้ เพราะประเด็นการถวายสัตย์ศาลรัฐธรรมนูญยังไม่มีคำวินิจฉัย เป็นเพียงคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณา ดังนั้นจึงยังไม่มีผลผูกพันตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด และเห็นว่าปัญหานี้เจ้าตัวควรต้องมาชี้แจงด้วยตัวเอง ไม่ใช่ส่งตัวแทนเข้ามา ดังนั้นตนจึงไม่ขอรับคำชี้แจงครั้งนี้ เพราะไม่ได้เชิญมาชี้แจง ไม่อยากฟัง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างที่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ชี้แจงอยู่นั้น น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ กรรมาธิการ พยายามที่จะยกมือ แต่ถูกพล.ต.อ.เสรีทธ์ “ ผมกำลังพูดอยู่ มีมารยาทหน่อย เมื่อกี้ผมมอบหมายงานให้คุณทำยังไม่ทำเลย ผมยังพูดไม่จบ คุณน่าจะรู้เวลาประธานไม่ให้พูดคุณก็ไม่มีสิทธิ์พูด ขอให้ผมพูดให้จบก่อน เดี๋ยวจะให้พูด” แต่นางสาวปารีณาก็พยายามที่จะยกมือขอพูด และเมื่อพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ชี้แจงจบก็ให้นางปารีณาพูด โดยกล่าวว่า ท่านประธานกำลังใช้อำนาจเกินขอบเขต การเชิญบุคคลมาชี้แจงเป็นเรื่องของการขอความร่วมมือ ใครจะมาหรือไม่มาก็ได้ ไม่ใช่ใช้อำนาจไปบีบ บังคับให้มา ทำให้พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ บอกว่า ผมรับผิดชอบเอง และนางสาวปารีณา กล่าวอีกว่า ถือว่าเป็นการทำผิดกฎหมาย ทำให้พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ขึ้นเสียงว่า คุณขู่ผมเหรอ นางสาวปารีณา ยังกล่าวต่อว่า สมัยก่อนรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯก็ไม่มาเหมือนกัน จากนั้นนายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ กรรมาธิการจากพรรคเพื่อไทย ประท้วงว่าการพาดพิงถึงบุคคลที่สาม และไม่สามารถชี้แจงได้ควรระมัดระวังด้วย และนายจารึก ศรี่อ่อน รองประธานกมธ.ได้ขอให้ตัวแทนของพล.อ.ประวิตรชี้แจงก่อน จากนั้นก็เป็นเรื่องของกรรมาธิการที่จะตัดสินใจเป็นการภายใน จากนั้นก็เชิญนักข่าวออกจากนั้น