ACE พร้อมนำหุ้นเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยวันที่ 13 พ.ย.นี้ มั่นใจนักลงทุนให้ความเชื่อมั่นในศักยภาพโรงไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนและแผนงานขยายการลงทุน มีเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตติดตั้งรวมเป็นกว่า 1,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 2567 จากปัจจุบันที่มีโรงไฟฟ้าเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว 13 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 211.18 เมกะวัตต์ และมีโรงไฟฟ้าที่อยู่ใน Pipeline อีก 20 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 210.19 เมกะวัตต์ รวมถึงคาดว่าจะได้รับปัจจัยบวกจากความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และนโยบายรัฐบาลที่เดินหน้าโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนทั่วประเทศ น.ส.จิรฐา ทรงเมตตา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ” หรือ ACE) บริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนรายใหญ่ของประเทศไทยและเป็นผู้นำด้านพลังงานสะอาด (The Clean Energy Leader) เปิดเผยว่า บริษัทพร้อมนำหุ้นเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในวันที่ 13 พฤศจิกายนนี้ โดยใช้ชื่อย่อ ACE ในการซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งมั่นใจว่าจะได้รับความสนใจและการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน หลังปิดการเสนอขายหุ้น IPO จำนวนทั้งสิ้น 1,018 ล้านหุ้น ที่ราคาเสนอขายสุดท้าย 4.40 บาทต่อหุ้น และได้รับการตอบรับจากนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อยอย่างท่วมท้น ทั้งนี้บริษัทมีสัญญาจำหน่ายไฟฟ้ากับภาครัฐและภาคเอกชนที่สร้างความมั่นคงแก่รายได้ของบริษัทและมีแผนงานขยายการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยจะใช้จุดแข็งในด้านความเชี่ยวชาญในธุรกิจโรงไฟฟ้า ความมั่นคงของซัพพลายเชนด้านเกษตรกรรมที่มีอยู่ทั่วประเทศ เพียงพอต่อการขยายกำลังการผลิตโรงไฟฟ้าชีวมวลอีกหลายเท่า และความเชี่ยวชาญในการนำขยะชุมชนมาใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า ซึ่งจะทำให้บริษัทเติบโตและขยายกำลังการผลิตได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงมุ่งมั่นนำองค์กรก้าวเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดต้นแบบของโลกที่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และผู้ถือหุ้น ตามวิชั่นที่วางไว้ โดยบริษัทคาดว่าจะได้รับปัจจัยเกื้อหนุนจากการผลักดันโครงการ ‘โรงไฟฟ้าชุมชน’ ของรัฐบาล ที่มีแผนจะเปิดให้เอกชนเข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลและชีวภาพ รวมประมาณ 4,125 เมกะวัตต์ เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน ซึ่ง ACE มีศักยภาพและความพร้อมในการลงทุนทุกด้าน ตั้งแต่ความมั่นคงด้านแหล่งเชื้อเพลิงที่ใช้เป็นวัตถุดิบ ที่ดินเพื่อใช้ก่อสร้างโรงไฟฟ้า ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ รวมถึงความพร้อมของเงินทุน นอกจากนี้บริษัทมีแผนงานขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยวางเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตติดตั้งรวมเป็นกว่า 1,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 2567 จากปัจจุบันที่มีโรงไฟฟ้าเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว 13 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 211.18 เมกะวัตต์ มีปริมาณไฟฟ้าเสนอขายตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รวมทั้งสิ้น 166.5 เมกะวัตต์ และมีโครงการโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างพัฒนา โครงการที่อยู่ระหว่างรอการพัฒนา และโครงการที่บริษัทฯ อาจได้มาเพิ่มเติมในอนาคต รวม 20 โครงการ คิดเป็นกำลังการผลิตติดตั้งรวม 210.19 เมกะวัตต์ ปริมาณไฟฟ้าเสนอขายตามสัญญา PPA กับ กฟผ. และ กฟภ.รวม 168.71 เมกะวัตต์ น.ส.วีณา เลิศนิมิตร กรรมการ บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด ในฐานะ Sole Bookrunner และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม กล่าวว่า หลังหุ้น ACE เข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย น่าจะเป็นบริษัทฯ ที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุน เนื่องจากมีจุดแข็งทางธุรกิจหลายด้าน ทั้งประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของทีมผู้บริหาร การให้ความสำคัญกับการวิจัยค้นคว่าและพัฒนา การนำใช้เทคโนโลยีด้านไอทีที่ทันสมัยในการจัดเก็บข้อมูลและบริหารจัดการโรงไฟฟ้า ทั้งนี้ยังรวมถึงการปรับปรุงและพัฒนาเครื่องจักรและขีดความสามารถการผลิตไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้โรงไฟฟ้าของ ACE สามารถเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานเมื่อเทียบกับภาพรวมอุตสาหกรรม นอกจากนี้ยังมีการกระจายการลงทุนโรงไฟฟ้าในทำเลต่างๆที่เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญที่มีความมั่นคงด้านเชื้อเพลิง ซึ่งจะส่งผลดีต่อการเติบโตอย่างมีเสถียรภาพในระยะยาว โดยคาดว่าการดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนของ ACE จะได้รับปัจจัยบวกจากภาพรวมความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นและมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต ตลอดจนแนวโน้มการใช้ไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานหมุนเวียนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งถือเป็น ‘World Mega Trend’ ทั่วโลกจะส่งผลดีต่อการขยายการลงทุนของบริษัทในอนาคต ดร.วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม กล่าวว่า ACE เป็นบริษัทฯ ที่มีพื้นฐานธุรกิจที่ดี โดยมีผลการดำเนินงานในอดีตช่วง 3 ปีย้อนหลัง(ปี 2559 –2561) เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้รวม 2,161 ล้านบาท 4,346 ล้านบาท และ 4,849 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิ 134 ล้านบาท 334 ล้านบาท และ 547 ล้านบาทตามลำดับ ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรกของปี 2562 มีรายได้รวม 2,555 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 342 ล้านบาท อีกทั้งนี้ยังเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนรายใหญ่ของประเทศ ซึ่งจะได้รับผลดีจากภาพรวมต้องการใช้ไฟฟ้าในประเทศที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และภาครัฐที่มีนโยบายรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้น