VGI ผู้นำการตลาด Offline-to-Online (“O2O”) โซลูชั่นส์ บนแพลตฟอร์มธุรกิจสื่อโฆษณา ธุรกิจบริการชำระเงิน และธุรกิจโลจิสติกส์ เผยรายได้ไตรมาส 2 ประจำปี 2562/63 พุ่งสูงถึง 1,668 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36.5% โดยกำไรสุทธิเพิ่มสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 36.6% คิดเป็นมูลค่า 355 ล้านบาท มาจากการรวมงบการเงินของธุรกิจสื่อโฆษณาในต่างประเทศที่บริหารผ่าน Puncak Berlian Sdn.Bhd. รวมถึงการควบรวมงบการเงินแบบเต็มไตรมาสของกลุ่มทรานส์.แอด โดย MACO และ VGI Digital Lab ซึ่งเป็นหน่วยธุรกิจใหม่ที่ให้บริการการตลาดแบบออนไลน์เริ่มสร้างรายได้เป็นที่น่าพอใจจากการตอบรับที่ดีในตลาด นายเนลสัน เหลียง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน)เปิดเผยว่า ในไตรมาสที่ 2 ปี 2562/63 ธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้านมีรายได้ 1,048 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 13.8% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับการเพิ่มขึ้นของรายได้สื่อโฆษณานอกบ้านนั้นได้รับอานิสงค์จากการรวมงบการเงินกันครั้งแรกในส่วนของสื่อโฆษณาในต่างประเทศ อย่างไรก็ดีธุรกิจสื่อโฆษณาในประเทศไทยได้รับผลกระทบจากช่วงโลว์ซีซั่น ประกอบกับการปรับปรุงสื่อโฆษณาในหลายแห่งนั้น ทำให้อัตราการใช้สื่อโฆษณาในรถไฟฟ้า และสื่อในสำนักงานเติบโตน้อยกว่าที่คาดการณ์ สำหรับธุรกิจบริการด้านดิจิทัล มีรายได้ 620 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญสูงถึง 105.9 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งการเติบโตดังกล่าวเป็นผลมาจากการรับรู้รายได้ของ VGI Digital Lab รวมถึงการเพิ่มขึ้นของรายได้จากแรบบิท กรุ๊ป ที่มาจากรายได้ค่าธรรมเนียมการบริหารโครงการ และรายได้จาก lead generation ทั้งนี้ส่วนงานบริการดิจิทัลยังได้รับประโยชน์จากการควบรวมงบการเงินของกลุ่มทรานส์. แอด ผ่านการบริหารงานโดย MACO อีกด้วย ทั้งนี้ในส่วนของทิศทางดำเนินงานและพัฒนาการสำคัญของกลุ่มบริษัทมีดังนี้ 1.ธุรกิจสื่อโฆษณา คณะกรรมการบริษัท MACO บริษัทย่อยของ VGI อนุมัติการเข้าลงทุน 50% ใน บริษัท ฮัลโล บางกอก แอล อี ดี จำกัด และการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน (Private Placement) จำนวน 1,080 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 1.44 บาทให้แก่บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน)(“PlanB”) ทั้งนี้เมื่อธุรกรรมดังกล่าวแล้วเสร็จ MACO จะเดินหน้ารุกต่อขยายการเติบโตในต่างประเทศ สำหรับธุรกิจสื่อโฆษณาในประเทศ MACO จะให้สิทธิ PlanB เข้ามาทำหน้าที่บริหารจัดการขายและบริหารสื่อทั้งหมด อย่างไรก็ตามการทำธุรกรรมให้แล้วเสร็จสมบูรณ์นั้น ต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นที่จะจัดขึ้นในวันที่ 17 ธ.ค.62 2.ธุรกิจบริการชำระเงิน ปัจจุบัน Rabbit card มีจำนวนถึง 12.2 ล้านใบ เพิ่มขึ้น 8.5% และ Rabbit LinePay มีผู้ใช้บริการมากกว่า 6.5 ล้านราย เพิ่มขึ้น 13.6% จากเดือนเมษายน 2019 โดยการเติบโตนั้นได้รับแรงหนุนจากการขยายจุดเชื่อมต่อไปยังการขนส่งที่หลากหลายสามารถสร้างความสะดวกในการชำระเงินแบบไร้รอยต่อให้กับผู้บริโภคได้ 3.ธุรกิจโลจิสติกส์ Kerry ขยายจุดให้บริการเป็นมากกว่า 10,000 แห่ง และสามารถส่งพัสดุได้สูงสุดที่ 2 ล้านชิ้นต่อวัน พร้อมเปิดตัวการให้บริการ BTS Express Service บน 4 สถานีบีทีเอส เพื่อจัดส่งพัสดุภายใน 3 ชั่วโมง พร้อมรองรับการเติบโตของอีคอมเมิร์ซ “บริษัทกำลังเดินทางเข้าสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ จากความสำเร็จในการสร้างผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกของปี 2562/63 แสดงให้เห็นว่าความพยายามในการดำเนินงานเพื่อผลักดันรายได้รวมถึงการสร้างผลกำไรให้กับผู้ถือหุ้น ด้วยกลยุทธ์ทางการตลาดครบวงจรแบบ Offline-to-Online (O2O)โซลูชั่น คือกลยุทธ์ที่แข็งแกร่ง เมื่อผสานเข้ากับการบูรณาการภายในกลุ่มธุรกิจ จะช่วยยกระดับผลการดำเนินงานให้เติบโต ทั้งยังสามารถสร้างรายได้ ผลกำไร และมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ถือหุ้นอย่างมั่นคงยั่งยืนได้ต่อไปในอนาคต”