ปากกาขนนก / สกุล บุณยทัต “ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของมวลมนุษย์ มักจะเกิดขึ้นกับหลักการสำคัญแห่งการสรรค์สร้างจากประสบการณ์ชีวิตอันแผ่ขจายไปรอบด้าน มันคือนัยแห่งปัญญาที่สามารถแผ่อิทธิพลเข้าสู่ข้อตระหนักแห่งมโนสำนึกอย่างลึกซึ้งและได้ผล สามารถผลักดันโครงสร้างแห่งชีวิตให้ก้าวไปเบื้องหน้าได้อย่างเข้มแข็ง สง่างาม และยั่งยืน จนที่สุดมันก็ได้กลับกลายเป็นข้อยืนยันถึงว่า ทุกสรรพสิ่งบนโลกนี้ล้วนมีความหมายต่อการมีชีวิตอยู่...หากเราสามารถก่อผัสสะที่จะเข้าไปชิดใกล้และเรียนรู้จากมันอย่างลึกซึ้งจนพบข้อตระหนักรู้ที่อยู่เหนือขึ้นไปจากหลักการใดๆ...มันย่อมไกลห่างออกมาจากความเวิ้งว้างว่างเปล่าแห่งสำนึก...แต่มันคือสิ่งที่ช่วยยืนยันว่า...ชีวิตจักต้องมีความหมายอยู่ในเป้าหมายเสมอ....เมื่อเราแผ่ขยายความคิดเข้าสู่ความดีงามแห่งจิตใจจนกลายเป็นสัญญาณแห่งการอยู่ร่วมในสัมผัสอย่างถ่องแท้...” PRINCIPLES : LIFE&WOKE BY RAY DARIO/….หนังสือที่ถูกยกย่องว่า...สามารถเปลี่ยนวิธีคิดของผู้อ่านได้...การออกแบบและการดำเนินการทางด้านความคิดในการเขียนได้อย่างครอบคลุมเจตจำนงอันล้ำเลิศ...มันเปี่ยมเต็มไปด้วยข้อแนะนำและหลักการของชีวิตอันหลากหลาย.....โดย “เรย์” ได้นำเอาเนื้อในแห่งภาพรวมแห่งความเป็นชีวิตของเขามาประกอบสร้างเป็นนัยเรื่องราวสู่การเรียนรู้อย่างมีหลักการและก่อเกิดมิติแห่งการสืบสานในทางภูมิปัญญาที่ชวนตื่นตะลึงและมีค่ายิ่ง...แท้จริงแล้วโดยผลรวมแห่งการรังสรรค์ของเขา...ความหมายของคำว่า “PRINCIPLES” จึงถูกตีความและอธิบายความโดยผู้รู้ไปต่างๆนานา...ด้วยกระบวนการแห่งการสืบค้น ทดลองปฏิบัติ..และ ทอดลมหายใจต่อการก่อเกิดศรัทธา. “มันคือสิ่งที่เราเชื่อ...สิ่งที่เรามองว่ามันสำคัญที่สุดสำหรับเรา”/และ...หรือ.. “มันคือหนทางแห่งความสำเร็จในการลงมือกับความจริง เพื่อให้คุณได้ทุกสิ่งที่ต้องการในชีวิต”... แต่สำหรับ “เรย์ ดาลิโอ” ...ในฐานะผู้ก่อตั้งบริษัทกองทุนด้านป้องกันความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดในโลก “Bridge Water”...ที่เขียนหนังสือเล่มนี้ออกมาด้วยประสบการณ์และศักยภาพที่หลักแหลมและยิ่งใหญ่ของชีวิต..เขาได้ตอกย้ำอย่างจริงจังว่า...โดยเนื้อแท้ชีวิตจำเป็นต้องมีหลักการ../อันหมายถึงแนวคิดที่สามารถนำมาใช้ในสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งต่างจากคำตอบที่ระบุเนื้อหาในวงแคบสำหรับคำถามเฉพาะ...นั่นหมายถึงว่าทุกๆเกมมีหลักการสำหรับผู้เล่น เช่นเดียวกับชีวิต หลักการถือเป็นวิธีของการจัดการที่ประสบความสำเร็จ...ด้วยกฎของธรรมชาติและด้วยกฎของชีวิต ผู้ที่เข้าใจสิ่งเหล่านี้มากกว่า จะรู้วิธีการสร้างปฏิสัมพันธ์ต่อโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า..ผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจน้อย หลักการที่แตกต่างกันจะถูกนำไปใช้กับด้านต่างๆของชีวิต เช่นการมีหลักการในการเล่นสกี...สำหรับการเล่นสกี/หลักการเลี้ยงดู...สำหรับการเลี้ยงดูบุตร/..หลักการในการจัดการ...สำหรับการบริหารจัดการ/หลักการลงทุน...สำหรับการลงทุน/..และยังมีหลักการชีวิต...ที่มีวิธีการในการปฏิบัติของเราต่อสิ่งทั้งปวง...และแน่นอนว่า แต่ละบุคคลต่างติดตามหลักการที่แตกต่างกัน...ซึ่งพวกเขาต่างเชื่อว่าเป็นหลักการที่ดีที่สุดสำหรับตัวเอง.. “ผมมั่นใจว่าความสำเร็จต่างๆที่บริดจ์ วอเตอร์และผมได้รับ เป็นผลมาจากการดำเนินการของเราด้วยหลักการที่ชัดเจน การสร้างวัฒนธรรมที่ดี การค้นหาบุคคลที่เหมาะสม การบริหารจัดการให้พวกเขากระทำในสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ตลอดจนการแก้ไขปัญหาอย่างสร้างสรรค์และเป็นระบบ ซึ่งเป็นความท้าทายให้ทุกองค์กรจะต้องเผชิญ สิ่งที่แตกต่างกันคือวิธีการที่เขาใช้ในการจัดการความท้าทายเหล่านี้ หลักการที่ระบุไว้ในหน้าต่างๆ เป็นไปตามการถ่ายทอดวิธีการที่เป็นเอกลักษณ์ในการทำสิ่งเหล่านี้ ซึ่งเป็นเหตุผลเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ไม่เหมือนใครของเรา...ความสำเร็จของ บริดจ์ วอเตอร์ เป็นผลมาจากการดำเนินงานของบุคคลที่มีความสามารถตามหลักการที่กำหนดไว้ในหนังสือเล่มนี้ และมันจะดำเนินการต่อไปเรื่อยๆ หากบุคคลที่มีความสามารถเหล่านี้หรือบุคคลอื่นๆดำเนินการใช้หลักการนี้อย่างต่อเนื่อง และแทบทุกคน สามารถทำได้หากพวกเขาเต็มใจที่จะทำ”/...นัยแห่งบทกล่าวนำถึงแก่นสาระสำคัญของหนังสือเล่มนี้...คือการยืนยันในเจตจำนงของเรย์..ที่มุ่งถึงเป้าหมายอันสูงสุดของวิถีแห่งอนาคตมากกว่าวิถีของปัจจุบัน...หลักการทั้งหมดทั้งสิ้นที่ปรากฏอยู่อย่างมีคุณค่าและเป็นคุณประโยชน์นี้...ล้วนมาจาก การเผชิญหน้ากับความจริงและการสะท้อนในการเผชิญหน้ากับสิ่งเหล่านี้.....ออกมาทั้งสิ้น.. “คนอื่นมักถามถึงเคล็ดลับความสำเร็จของผม ผมบอกเลยว่าผมไม่ได้เก่งอะไรเป็นพิเศษ แต่ผมมีวิธีและหลักการที่ผมใช้...ถ้าคุณทำตามวิธีนี้ คุณก็จะประสบความสำเร็จได้เหมือนกัน...”.. ข้อสรุปแห่งแบบแผนในหลักการของเรย์ ตรงส่วนนี้คือสิ่งที่กระตุ้นเร้าให้เราต้องขบคิด...เรย์เชื่อว่าทุกสิ่งในโลกของเรานี้ล้วนต่างมีหลักการ และเหตุผลของมัน...เหตุนี้ความสำเร็จและล้มเหลวในชีวิตของใครก็ตาม...มันจึงขึ้นอยู่กับความจริงของโลกในข้อนี้...มันหาใช่การยอมแพ้หรือไม่ยอมแพ้...แต่มันสำคัญที่เราทุกคนจะมีความสามารถที่จะเข้าใจโลกนี้ได้อย่างดีพอได้หรือเปล่า...ก็เท่านั้น... เขาได้ให้วิธีการแห่งขั้นตอนที่เราสามารถจะเรียนรู้และก้าวหน้าไปพร้อมๆกันไว้อย่างน่าสนใจดังนี้../...กำหนดเป้าหมายแล้วก้าวไปหามัน/..เผชิญหน้ากับปัญหาระหว่างเดินทางไปสู่เป้าหมาย/..ค้นหาต้นเหตุของปัญหา/...คิดหาทางแก้ปัญหาเหล่านั้น/ แล้ว..ลงมือทำ/...การทำซ้ำในวิธีการทั้งหมดนี้จักทำให้ชีวิตได้ตระหนักรู้ในคุณค่าแห่งการพัฒนาตัวเอง และการมุ่งหน้าสู่เป้าหมายทั้งที่เป็นของตัวเราเอง การพัฒนาผลิตภัณฑ์ หรือการบริหารองค์กร...ซึ่งเรย์เชื่อว่ามันจะบังเกิดความสำเร็จตามมาอย่างแน่นอน.. ในภาพกว้าง เรย์...ได้รับการยกย่องว่า เป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เพราะเขามองสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นอย่างเป็นระบบ..และได้เห็นว่ามันมักจะเกิดขึ้นอย่างซ้ำๆ.. “ทุกอย่างเป็นระบบ ไม่ว่าจะเป็นระบบสุริยะ ภูมิอากาศโลก เศรษฐกิจ ตลาดหุ้น...หรือคนเราทุกคน”.. เหตุนี้เขาจึงสามารถทำนายอนาคตได้อย่างแม่นยำ...แต่ถึงกระนั้นชีวิตของเขาก็เคยก้าวพลาดไปสู่จุดที่ตกต่ำอย่างถึงที่สุด...นั่นคืออุทาหรณ์ที่สมควรต้องเรียนรู้กันไว้...ย้อนหลังไปเมื่อปี...1982..ขณะที่เขามีอายุได้ 33 ปี...เขาคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะตกต่ำและเกิดวิกฤติครั้งใหญ่อย่างแน่นอน เพราะในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานั้น เศรษฐกิจโลกได้พังยับเยิน...ภาวะเช่นนี้เร้าให้เขากล้าทุ่มเงินลงทุนจนหมดหน้าตัก...เพื่อสนองความเชื่อมั่นที่ว่าเศรษฐกิจกำลังเข้าสู่ขาลง...แต่พอไม่กี่เดือนต่อมา...เศรษฐกิจของอเมริกากลับเติบโตเป็นขาขึ้นอย่างรวดเร็ว และส่งผลยาวนานมาถึง 18 ปี..ซึ่งเป็นสถานการณ์การเติบโตครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์แห่งความเป็นตลาดหุ้นของอเมริกา..นั่นส่งผลให้เรย์ ต้องขาดทุนอย่างมหาศาล...จนบริษัท “Bridge Water” ของเขา...ต้องเหลือพนักงานอยู่แค่เขาเพียงคนเดียว..สถานการณ์ชีวิตของเขาในตอนนั้นย่ำแย่ถึงขนาดต้องยืมเงินของพ่อมาจ่ายค่าไฟฟ้าและแทบจะไม่มีหนทางที่จะกลับมา....แต่ถึงที่สุดแล้ว...เขาก็ไม่คิดที่จะยอมแพ้แม้จะรู้สึกใจเสียและหมดพลังใจไปไม่น้อย...และด้วยวิถีแห่งปัญญาที่คิดได้ว่า.... “ไม่ว่าเรื่องจะเลวร้ายแค่ไหน...สุดท้ายมันก็จะผ่านไป” ...นั่นหมายถึงว่าคนเราทุกคนต้องมองโลกตามความเป็นจริง...คิดวิเคราะห์และไตร่ตรองเพื่อแสวงหาทางออกที่ดีที่สุด...ยอมรับกับตัวเองว่าได้ล้มเหลวและพลาดพลั้งไป...ก่อนที่จะหาทางและพบหลักการที่จะก้าวขึ้นสู่เบื้องบนแห่งจุดสูงสุดดังเดิม.. ....นั่นคือหลักการแห่งชีวิตของเรย์ ในฐานะนักลงทุนระดับกูรูผู้เฉลียวฉลาด...และมีหัวใจที่กล้าแกร่งหนักแน่น...ผู้มองโลกด้วยการตีความอย่างหลักแหลมและทะลุปรุโปร่งด้วยหลักการ...ในหลักคิดที่ก้าวสู่อนาคตอย่างยากจะตามทัน/ เขาได้เน้นย้ำถึงข้อตระหนักอันสำคัญว่า...จะอย่างไร จะพ่ายแพ้เจ็บปวดแค่ไหนก็ขออย่าได้..หลีกหนีปัญหาและความเจ็บปวดนั้นเป็นอันขาด...เนื่องเพราะ เขาเป็นคนที่เชื่อในหลักการและความงามแห่งวิวัฒนาการ...ไม่ว่าจะเป็นวิวัฒนาการในสัตว์หรือในระบบเศรษฐกิจ....เขาได้บ่งชี้ว่าเมื่อใดก็ตามที่เจอปัญหาและรู้สึกถึงการพัฒนาที่ชะลอตัว ย่อมจะมีชีวิตบางกลุ่มหรือนักธุรกิจบางกลุ่มที่แซงนำเหนือคนอื่นได้ โดยการพัฒนาสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ให้ดียิ่งขึ้น/คำถามก็คือว่า...แต่ทำไม คนส่วนใหญ่ถึงไม่”วิวัฒนาการ”เช่นนี้?/..เรย์..มองว่าการอยู่เฉยๆหรือหลอกตัวเองว่ากำลังไปได้ดีนั้นมันง่าย ส่วนการพัฒนาไปข้างหน้ามักมากับความเจ็บปวด เพราะมันต้องมีการประเมินตน ให้คนอื่นมาบอกถึงจุดอ่อนของตนเอง...มันต้องมีการลองของใหม่ที่ไม่ถนัด มันต้องมีการร่วงล้มแรงอยู่บ้าง มันจึงเป็นธรรมชาติที่สมองส่วนล่างของเราจะไม่ชอบความรู้สึกว่าเราไม่เก่งพอ..เราล้มเหลว เราเจ็บตัว เราเจ็บใจ เพราะอีโก้ถูกทะลาย และถูกคอมเมนต์แทงใจดำ/เรย์...ได้ย้ำว่าให้เปลี่ยนแนวคิดเดิมกับความเจ็บปวดจาก..เกลียดชัง มาเป็นการ โอบรับเสีย...เนื่องจากเขาเชื่อว่ามันเป็นหนทางเดียวที่จะนำไปสู่ความแข็งแกร่งได้/ตลอดการวิวัฒนาการของเราในวันนี้ไปสู่เป้าหมายสำคัญของเราในวันข้างหน้า /ผ่านการเรียนรู้ว่าผ่านการกระทำอะไรแล้วเราถึงจะล้ม..และต้องผ่านการกระทำสิ่งใดที่จะทำให้เราก้าวไปข้างหน้าได้.. หลักการสำคัญตรงส่วนนี้เชื่อมโยงไปถึงหลักการอีกสองหลักการที่มีผลต่อการสร้างเสริมพลังแห่งชีวิตให้มีคุณค่ายิ่งขึ้น..นั่นคือการมองโลกให้เป็นเกมและหาระบบพิชิตมัน..เรย์ได้ย้ำถึงว่า...เราทุกคนจำเป็นต้องค้นหาความจริงเพราะมันสำคัญมาก...เราต้องหมั่นประเมินตัวเองและสถานการณ์ เพื่อจักทำให้รู้ว่า เรานั้นอยู่ห่างจากการพิชิตเกมนี้แค่ไหน...มีอุปสรรคอะไรบ้าง และต้องทำอะไรอีกถึงจะพิชิตมันได้../เขาให้ข้อแนะนำอย่างเน้นย้ำว่า..เราต้องกำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน/หาปัญหาทั้งหมดที่กั้นขวางระหว่างเรากับเป้าหมายเส้นชัยให้เจอ/ต้องวินิจฉัยว่าปัญหามีที่มาอย่างไร..เป็นเพราะเราด้อยความสามารถ หรือปมปัญหามันยาก/วางแผนแก้ปัญหานั้น/และนำทุกวิถีทางที่อยู่ในแผนไปใช้จนบรรลุผล.. สุดท้ายคือหลักการแห่งการค้นหาและยอมรับความเป็นจริง...ในวิถีทางของเรย์...เขาย้ำว่า..เราควรทำตัวเปิดเผยอย่างสุดโต่ง และเปิดใจให้กว้าง...เขาคิดว่าไม่มีอะไรสำคัญกว่าการแยกแยะว่าอะไรปลอมหรืออะไรจริงในชีวิตแล้ว...แม้มันจะยากสักเพียงใด แต่เราควรจะต่อสู้เพื่อให้ได้พบกับความจริงเหล่านั้น .. “ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาเป้าหมายของชีวิตหรือการมุ่งหวังต่อการพัฒนาตนเอง...ขอจงสู้เพื่อความจริง...เพราะความไม่จริงไม่เคยช่วยใครให้ก้าวหน้าขึ้น” ผมอ่านหนังสือที่มีความหนากว่า 600 หน้านี้...อย่างไตร่ตรองและระมัดระวัง..มันคือความก้าวล้ำทางวิชาการที่มาจากภูมิปัญญาของบุคคลที่แหลมคมและมองศาสตร์ภายใต้เงื่อนไขแห่งชีวิตของตนด้วยความจริงแท้ที่ก่อเกิดจากประสบการณ์ และมิติคิดที่ผ่านการเลือกสรรและคัดกรองมาแล้วเป็นอย่างดี..ในบทตอนที่หนึ่งของหนังสือเล่มนี้. “ชีวิตของ เรย์ ดาลิโอ” ...เขาได้ชี้ทางถึงความเข้าใจอันถ่องแท้ของการเรียนรู้ว่า..เขาเพียงต้องการจะได้คำตอบที่ถูก ซึ่งคำตอบที่ถูกนั้นไม่จำเป็นต้องมาจากเขา...เหตุนี้เราจึงต้องฝึกตนและเปิดใจเป็นคนรับฟังความคิดเห็นของอื่นเสมอ..นี่คือวิธีการที่นำไปสู่ความสำเร็จ/ในบทตอนที่สอง “หลักการแห่งชีวิต” เรย์ได้เน้นถึงเส้นทางเลือกของชีวิตว่ามีความสำคัญต่อความหมายของความเป็นชีวิตยิ่ง.../เส้นทางแรกคือเส้นทางที่แย่ที่สุด แต่อย่าปฏิเสธมัน..เพราะมันจะทำให้ชีวิตของเราแย่ยิ่งขึ้นไปอีก..มันจะทำให้ชีวิตของเราไม่ก้าวไปทางไหนเลย/เส้นทางที่สองคือ การยอมรับจุดอ่อนของตัวและคิดเปลี่ยนแปลงมันจนเป็นจุดแข็งนั่นคือหนทางที่ดีที่สุด/เส้นทางสุดท้ายคือ เส้นทางที่มีคนใช้น้อยที่สุด...มันเป็นเส้นทางแห่งนัยของจุดอ่อน...เราจะต้องเลี่ยงเส้นทางนี้ให้ได้เพื่อไม่ให้จุดอ่อนในชีวิตของเราเผยออกมา/..ในบทตอนที่สาม..หลักการในการทำงาน..เรย์ได้เปิดโลกให้เข้าใจว่า.. “เงินเป็นผลตอบแทนจากความเป็นเลิศ...นั้นไม่ใช่เป้าหมาย.. เป้าหมายหลักของเราคือการต้องทำให้ดีที่สุด เพื่อพัฒนาปรับปรุง บริดจ์ วอเตอร์ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ชัดเจน มันไม่ได้ทำเงินมากมาย แต่ก็ใช่ว่าคุณควรจะมีความสุขกับเงินเพียงเล็กน้อย..ในทางตรงข้ามคุณควรคาดหวังให้มาก..หากเราทำตามปรัชญานี้อย่างต่อเนื่อง...เราจะมีประสิทธิผลที่ดีและบริษัทก็ควรจะมีสถานะการเงินที่ดี” นี่คือหนังแห่งโลกสมัยใหม่...การมองไกลออกไปสู่อุบัติการณ์แห่งโครงสร้างของอนาคต..ด้วยการรังสรรค์และตรวจสอบทบทวน ด้วยมโนสำนึก จากบุคคลผู้ประสบความสำเร็จทางธุรกิจอย่างล้นเหลือ..ผู้ทรงอิทธิพลทางความคิดของโลก..ซึ่งแม้จะเป็นนัยเฉพาะตัว /แต่ด้วยโลกทัศน์และชีวทัศน์อันเปิดเปลือยสู่รากฐานทางปรัชญาชีวิต..และ.กลไกแห่งธุรกิจในโลกล้ำสมัย... “ด้วยหลักการในหลักการ” อันเปรียบดั่งภาพจำลองของมายาคติที่หลอมรวมกับแก่นแท้ของความเป็นจริง..จนขยายกว้างทางความคิดและกลายเป็นบันทึกแห่งกาลเวลาที่ยิ่งใหญ่...ที่ยากจะมองข้ามและไม่ใส่ใจต่อการเรียนรู้... “จอมทรัพย์ สิทธิพิทยา”..ตั้งใจแปลหนังสือเล่มนี้ออกมาได้อย่างมีคุณค่ายิ่ง..ความแม่นตรงและถูกต้องในสาระเนื้อหา/การถูกทบทวนและตรวจสอบแนะนำจากผู้เขียน ตลอดจนขบวนการในการจัดพิมพ์ทั้งหมด..มีผลทำให้หนังสือเล่มนี้สื่อถึงคุณประโยชน์ต่อโลก ณ วันนี้เพิ่มยิ่งขึ้น...ที่สุดแล้ว หากใครก็ตามมุ่งหวังที่จะเข้าใจและเข้าถึงชีวิตของโลกเบื้องหน้า...หนังสือเล่มนี้จะนำเราไปสู่จุดหมายนั้นทั้งด้วยภูมิปัญญาและหลักการที่อยู่ลึกลงไปในหัวใจของโลก ณ วันนี้โดยแท้.. “แทนที่จะคิดว่าผมถูก...ผมเริ่มมาถามตัวเองว่า..ผมรู้ได้อย่างไรว่า...ผมถูก”