“ประภัตร” ล่องอีสาน ลุยตรวจการแพร่ระบาดโรคระบาดไหม้คอรวงข้าว คาดเสียหายแล้วกว่า 5 แสนไร่ เตรียมระดมโดรนฉีดพ่นตามคำขอชาวนาที่ยังพอช่วยได้พร้อมเตรียมเสนอ กนข. ขอเงินช่วยเหลือ กว่า 1,000 ล้านบาทก่อนเสนอ ครม. ชดเชยพื้นที่เสียหายช่วยหลังผู้ว่าราชการสุรินทร์ประกาศพื้นที่ภัยพิบัติ    เมื่อวันที่ 6 พ.ย. นายประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะได้เดินทางไปยัง บ้านหนองบัว หมู่ที่ 3 ต.ชุมพลบุรี อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ และบ้านขาม ต.หนองบัวบาน อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ เพื่อตรวจเยี่ยมพื้นที่การแพร่ระบาดของโรคไหม้คอรวงข้าวโดย โดยมีนายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ พร้อมคณะให้การต้อนรับ ซึ่งนายวันรบ เฮ่ประโคน เกษตรจังหวัดสุรินทร์ ได้บรรยายสรุปสถานการณ์ ไหม้คอรวงข้าว เพื่อวางมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรเป็นการเร่งด่วน นายประภัตร กล่าวว่า จากการตรวจสอบล่าสุด นาข้าวในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ ซึ่งเป็นรอยต่อหลายจังหวัด และเป็นพื้นที่ปลูกข้าวหอมมะลิขณะนี้ พบว่า นาข้าวเสียหายแล้วประมาณ 5 แสนไร่ โดยบางส่วนที่ยังไม่เสียหายนั้น ทางผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ได้ขอให้ทางกระทรวงเกษตรฯ ประสานงานเพื่อขอโดรนจากเอกชนช่วยฉีดพ่นไตรโคเดอร์ม่า เท่าที่ยังสามารถช่วยได้  เนื่องจากเหลือเวลาอึกเพียง 20 วัน ข้าวก็จะสุกที่สามารถเก็บเกี่ยวได้ เพราะถือเป็นวิธีที่ดีที่สุด โดยภาคเอกชนใจบุญและพร้อมที่จะส่งโดรนเข้ามาช่วยเหลือฟรี ในวันที่ 7 พฤศจิกายน นี้ ส่วนไตรโคเดอร์ม่าก็มีการแจกฟรี จึงไม่กระทบต่อต้นทุนของเกษตรกรที่เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด   อย่างไรก็ตาม ในส่วนมาตรการช่วยเหลือในความเสียหาย เบื้องต้นได้สั่งการให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ตั้งคณะกรรมการ เข้ามาสรุปข้อมูลความเสียหายทั้งหมด พร้อมตรวจสอบรายละเอียด ปริมาณ ข้าวที่ลดลง เพราะบางส่วนไม่ได้มีการเสียหายสิ้นเชิง เพียงแต่ผลผลิตลดน้อยลง โดยข้อมูลโดยเฉลี่ย ประมาณ ร้อยละ 70 ในส่วนปริมาณผลผลิตที่เคยได้ เพราะข้าวลีบ ซึ่งรัฐบาลอาจจะช่วยเหลือและเติมในส่วนที่ขาดหายไป ในเรื่องของราคา ส่วนการชดเชยพื้นที่เสียหาย จะชดเชยให้ไร่ละ1,113 ต่อไร่ ไม่เกินไม่เกิน 20 ไร่ ตามกรอบการให้การช่วยเหลือเรื่องภัยพิบัติ โดยคาดว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นน่าจะใช้งบประมาณในการช่วยเหลือเกษตรกร ผู้ปลูกข้าวประมาณ กว่า 1,000 ล้านบาทเท่านั้น จากนี้ไปคงต้องรอทางผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ตั้งคณะกรรมการขึ้นมา ทำงานเพื่อสรุปรายละเอียดความเสียหายทั้งหมด และมีการประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติ เพื่อสรุปข้อมูลเสนอมายังกระทรวงเกษตรฯ ก่อนที่ จะเสนอไปยังคณะกรรมการนโยบายข้าว (กนข.) หากเห็นด้วยก็จะเสนอต่อ ครม. เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรต่อไป ส่วนการแก้ปัญหาการแพร่รับบาดเพื่อไม่ให้เกิดซ้ำ ขึ้นมาอีก ตนได้กำชับให้เจ้าหน้าที่กรมการข้าวเข้าทำความเข้าใจและฝึกอบรมให้กับเกษตกรป้องกันการแพร่ระบาดของโรค ไหม้คอรวงข้าวโดยจะฝึกอบรมให้กับเกษตรกร ตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมพร้อมเรื่องการ เตรียมการเพาะปลูกข้าวในฤดูต่อไป โดยเกษตรกรจะต้องมีการคลุกเม็ดพันธ์ ข้าว กับไตรโคเดอร์ม่าก่อนหว่านข้าวในฤดูกาลต่อไป ขณะเดียวกันจะต้องรู้หลักการใช้ปุ๋ยให้ถูกวิธ๊ โดยเฉพาะปุ๋ยยูเรีย ซึ่งการใช้ปุ๋ยที่ผิดหลักเป็นสาเหตุหนึ่งขอการเกิดโรคระบาดด้วย   "ความเสียหายจากภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นทั้งฝนแล้ง น้ำท่วม และโรคระบาดที่เกิดขึ้น ยอมรับว่า อาจเสียหายจริงแต่ไม่น่าถึงขั้นขาดแคลน และขออย่าตื่นตระหนก ยืนยันว่าปริมาณผลผลิตยังเพียงพอต่อการบริโภคในประเทศอย่างแน่นอนส่วนเรื่องราคา ที่อาจสูงขึ้นเป็นเรื่องของกระทรวงพาณิชย์ จะต้องเข้ามาช่วยเหลือในเรื่องการบริหารจัดการ"นายประภัตร กล่าว ด้าน นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า จากการดำเนินการในเรื่องการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคไหม้คอรวงข้าว ทางจังหวัดได้ดำเนินการช่วยเหลืออย่างเต็มที่ โดยจากการฉีดพ่นไตรโคเดอร์ม่า ที่ผ่านมาสามารถชะลอการระบาดได้จริง เมื่อเทียบกับพื้นที่ ที่ไม่ได้มีการฉีดพ่น จากนี้ไป คงจะต้องทำความเข้าใจถึงวิธีป้องกันการแพร่ระบาดและเร่งดำเนินการตั้งคณะทำงานร่วมกันเพื่อช่วยเหลือ เกษตรกรให้เร็วที่สุด  และจากการตรวจสอบยังพบด้วยว่า พื้นที่มีการระบาดของโรคไหม้คอรวงข้าวส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ใช้สารเคมี ขณะที่พื้นที่ การส่งเสริมการปลูกข้าวอินนทรีย์ ไม่พบมีการระบาดของโรคไหม้คอรวงข้าวแม้แต่พื้นที่เดียว