GPSC โชว์รายได้ไตรมาส 3/2562 มีมูลค่า 19,226 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 12,565 ล้านบาท หรือร้อยละ 189 จากไตรมาสที่ 3 ปี 2561 แต่ปรับตัวลดลง 764 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 4 จากไตรมาสที่ 2 ปี 2562 รับรู้รายได้จากการควบรวมกิจการ GLOW เต็มไตรมาสอย่างต่อเนื่อง โชว์ EBITDA ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนสะท้อนกระแสเงินสดเข้มแข็ง พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจรองรับกระแสการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมพลังงานของประเทศด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม นายชวลิต ทิพพาวนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC แกนนำนวัตกรรมธุรกิจไฟฟ้ากลุ่ม ปตท.เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 3/2562 บริษัทฯ มีรายได้รวมทั้งสิ้น 19,226 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12,565 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 189% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีผลจากการเข้าซื้อกิจการของบริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน)หรือ GLOW ที่มีส่วนสำคัญต่อการรับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้นของ GPSC เต็มไตรมาสอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ในส่วนของกำไรสุทธิในไตรมาส 3/2562 อยู่ที่ 893 ล้านบาท ลดลง 6 ล้านบาท คิดเป็น 1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยหลักทั้งจากราคาขายไฟฟ้าที่ลดลงของโรงไฟฟ้าเอ็กโค่-วัน ซึ่งเป็นไปตามฤดูกาลโดยในช่วงฤดูฝนการใช้พลังงานมีสัดส่วนที่ลดลง และมีปัจจัยจากปริมาณการขายไฟฟ้าที่ลดลงของโรงไฟฟ้าห้วยเหาะที่ สปป.ลาว นอกจากนี้ยังมีภาระค่าใช้จ่ายของดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจากการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์จากผู้ถือหุ้นรายย่อย (Tender Offer) ของ GLOW เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทำให้ GPSC สามารถเข้าถือหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 95.25% และยังมีค่าตัดจำหน่ายค่าธรรมเนียมในการจัดหาเงินกู้ที่เพิ่มขึ้นตามการปรับปรุงแผนการชำระคืนเงินกู้ระยะสั้นซึ่งได้จากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ผ่านมา ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มศักยภาพทางการเงินของบริษัทฯ ให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น และพร้อมที่จะขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ โดยมั่นใจว่าตลาดอุตสาหกรรมไฟฟ้าจะมีทิศทางที่เปลี่ยนแปลง จากการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาสู่การพัฒนาการผลิตในทุกภาคส่วนมากยิ่งขึ้น โดยหากพิจารณากำไรส่วนของบริษัทใหญ่ที่ไม่รวมค่าตัดจำหน่ายจากการประเมินมูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์สุทธิจำนวน 372 ล้านบาท และผลกระทบตามมาตรฐานบัญชี จำนวน 277 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนผลกำไรจากการดำเนินงานอย่างแท้จริงจะมีกำไรสุทธิของบริษัทฯ ที่ไม่รวมค่าตัดจำหน่ายและผลรวมจากมาตรฐานบัญชี(Adjusted Net Income)จำนวน 1,542 ล้านบาท สำหรับภาพรวมการดำเนินงานไตรมาส 3 บริษัทมี EBITDA เท่ากับ 5,057 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนให้เห็นว่ากระแสเงินสดของ GPSC ยังมีความเข้มแข็งและการเติบโตอย่างต่อเนื่องภายหลังการเข้าควบรวมกิจการ GLOW สำเร็จแล้ว “ปัจจัยภาพรวมของการดำเนินงานไตรมาส 3 นี้ ถือเป็นช่วงที่บริษัทต้องเดินหน้าตามแผนงานทั้งในด้านการลงทุน เพื่อเข้าซื้อหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อยของ GLOW และยังมีแผนการปรับโครงสร้างทางการเงิน โดยได้ดำเนินการเพิ่มทุนจำนวน 74,000 ล้านบาทแล้วเสร็จในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา และนำเงินที่ได้ไปคืนเงินกู้ยืมระยะสั้นเรียบร้อยแล้ว ทำให้หลังจากนี้บริษัทจะมีโครงสร้างทางการเงินที่เหมาะสมและมีภาระค่าดอกเบี้ยจ่ายลดลงตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 เป็นต้นไป” อย่างไรก็ตามแผนการผลิตไฟฟ้าและไอน้ำที่เตรียมเข้าสู่ระบบการผลิตเชิงพาณิชย์ (COD) ในปี 2563 ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าของบริษัทผลิตไฟฟ้า นวนคร จำกัด(NNEG) ส่วนขยาย กำลังการผลิตส่วนเพิ่ม 60 เมกะวัตต์ ไอน้ำ 10 ตันต่อชั่วโมง ซึ่ง GPSC ถือหุ้น 30% ทั้งนี้ในช่วงเดือนก.ค.-ต.ค.ที่ผ่านมาได้เริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ 3 โครงการเป็นที่เรียบร้อยแล้วคือ โรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำลิก 1 (NL1PC) ประเทศ สปป.ลาว กำลังการผลิต 65 เมกะวัตต์ ซึ่ง GPSC ถือหุ้น 40%,ศูนย์ผลิตสาธารณูปการแห่งที่ 4 (CUP 4) จังหวัดระยอง กำลังการผลิต 45 เมกะวัตต์ ไอน้ำ 70 ตันต่อชั่วโมง ซึ่ง GPSC ถือหุ้น 100% และโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี (XPCL) สปป.ลาว กำลังการผลิต 1,285 เมกะวัตต์ ซึ่ง GPSC ถือหุ้น 25%