นางมิช โกห์ หัวหน้าฝ่ายนโยบายสาธารณะ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Airbnb กล่าวว่า จากการประชุมร่วมกับหน่วยงานรัฐบาลในหลายภาคส่วนและผู้ประกอบการในธุรกิจต่างๆ Airbnb ได้มีนำเสนอแนวทางปฏิบัติในการกำกับดูแลการเช่าที่พักระยะสั้นในประเทศไทย เพื่อช่วยสนับสนุนท้องถิ่น พร้อมกันนี้ยังเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการเฉพาะด้านของประเทศไทย นอกจากนั้นยังมีความสอดคล้องกับหลักปฏิบัติสำหรับการให้เช่าที่พักระยะสั้นทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก โดยแนวทางปฎิบัติดังกล่าวสะท้อนได้จาก ผลการวิจัยล่าสุดที่จัดทำขึ้นโดย Expedition Strategies เมื่อปี 2561 พบว่าคนไทย 88% สนับสนุนเจ้าของที่พักในท้องถิ่นเปิดให้เช่าที่พัก 89% มีแนวโน้มเลือกใช้บริการเช่าที่พักระยะสั้นในอนาคต และ 84% เชื่อว่าการเช่าที่พักระยะสั้นเป็นเรื่องที่ดีต่อชุมชน เพราะเป็นการดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวในชุมชน สร้างการจับจ่ายใช้สอยในพื้นที่เพิ่มมากขึ้น สำหรับแนวทางปฏิบัติที่ Airbnb นำเสนอมีดังนี้ การลงทะเบียนที่พักให้เช่าด้วยระบบออนไลน์ที่ง่าย และเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ ใช้ระบบการลงทะเบียนออนไลน์สำหรับที่พักให้เช่าระยะสั้นที่ง่ายและรวดเร็ว เพื่อสร้างให้เกิดการปฏิบัติตามกฎระเบียบ และส่งเสริมเรื่องมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยในระดับสูง ออกกฎระเบียบที่มีความแตกต่างกันตามประเภทของที่พัก มีการกำหนดกฎระเบียบที่มีความแตกต่างกันตามลักษณะประเภทของที่พักให้เช่าระยะสั้น แทนที่กฎระเบียบรูปแบบเดียวสำหรับที่พักทุกประเภท เช่น กฎระเบียบควรมีการแยกประเภทการให้เช่าที่พักของเจ้าของบ้านที่แบ่งห้องในบ้านให้เช่า การให้เช่าบ้านทั้งหลังเป็นครั้งคราว หรือการให้เช่าที่พักในเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบ อีกทั้งการสร้างกฎระเบียบที่ครอบคลุมทั้งอุตสาหกรรมนั้น กฎระเบียบควรครอบคลุมและสามารถเข้าถึงได้ทั้งอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้กำหนดนโยบายและผู้ที่เกี่ยวข้องควรมีการร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดเพื่อออกกฎระเบียบที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างสูงสุด มีบทลงโทษที่เป็นธรรม แม้ว่าเจ้าของที่พักและผู้เข้าพักส่วนใหญ่มักจะมีความประพฤติที่ดีและมีความรับผิดชอบอยู่แล้ว แต่ควรมีการกำหนดบทลงโทษสำหรับผู้ที่มีพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ แม้จะมีโอกาสเกิดขึ้นไม่บ่อยนักก็ตาม ทั้งนี้ นางมิช กล่าวว่า Airbnb หวังที่จะเป็นพันธมิตรที่ดีและมีความรับผิดชอบต่อรัฐบาลไทย พร้อมช่วยผลักดันให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายในเรื่องของการท่องเที่ยวชุมชน ซึ่งทาง Airbnb ในไทยได้ช่วยให้การท่องเที่ยวเติบโต มีความหลากหลาย และกระจายผลประโยชน์ไปสู่ชุมชนท้องถิ่นทั่วประเทศ โดยเฉพาะจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวใหม่ อาทิ จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มีโอกาสเข้าไปรับฟังจากหน่วยงานท้องถิ่นและได้เข้าใจถึงความต้องการ ซึ่งต้นปีที่ผ่านมา Airbnb เผยผลการสำรวจและวิเคราะห์ข้อมูลที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจระบุว่า เจ้าของที่พักและผู้เข้าพัก Airbnb ในไทยได้สร้างรายได้มากกว่า 3.38 หมื่นล้านบาทสู่เศรษฐกิจท้องถิ่นในปี 2561 และผู้เข้าพัก 46% ส่วนใหญ่จับบจ่ายใช้สอยในพื้นที่ละแวกที่พัก พร้อมกันนี้ Airbnb ยังช่วยผลักดันสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ ในประเทศไทยให้มีการเติบโตและเป็นที่รู้จัก โดยในปี 2561 ผู้ใช้บริการ Airbnb เดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่เพิ่มขึ้น 53% จากปีก่อน ล่าสุด Airbnb ได้เปิดตัวแคมเปญใหม่ ภายใต้ชื่อ การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนกับ Airbnb : นอกเหนือจากเมืองใหญ่ เพื่อโปรโมตสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ อาทิ จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นต้น