จากกรณีที่พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธานกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบสภาผู้แทนราษฎร ออกมาระบุว่า จะมีการใช้ พ.ร.บ.คำสั่งเรียกของคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา พ.ศ.2554 มาใช้กับนายกรัฐมนตรีและพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หากเชิญครั้งที่ 2 และครั้งที่ 3 แล้วยังไม่มานั้น ล่าสุด นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า...“เมื่อกรรมาธิการป.ป.ชใช้อำนาจในทางที่ผิด ต้องฟ้องให้ติดคุก มิให้เป็นเยี่ยงอย่าง” มีเนื้อหาว่ากรณีที่พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธานกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบสภาผู้แทนราษฎร ออกมาระบุว่าจะมีการใช้ พ.ร.บ.คำสั่งเรียกของคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา พ.ศ.2554 มาใช้กับนายกรัฐมนตรีและพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หากเชิญครั้งที่ 2 และครั้งที่ 3 แล้วยังไม่มา ซึ่งผมเคยแสดงความเห็นไปก่อนหน้านี้แล้วว่ากรรมาธิการชุดนี้แส่ไม่เข้าเรื่องการเชิญนายกรัฐมนตรีและพลเอกประวิตรมาชี้แจงในประเด็น ครม.ไม่มีอำนาจเสนอร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 เพราะยังถวายสัตย์ไม่ครบถ้วน ไม่ได้เกี่ยวข้องกับบทบาทหน้าที่ของกรรมาธิการป.ป.ช. ตามข้อบังคับการประชุมสภาหมวด 5 ข้อ 90(22) ที่ระบุว่า "คณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบมีหน้าที่และอำนาจกระทำกิจการพิจารณาสอบหาข้อเท็จจริงหรือศึกษาเรื่องใดๆที่เกี่ยวกับกระบวนการและมาตรการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ" จะเห็นได้ว่าประเด็นที่กรรมาธิการป.ป.ช. ใช้เป็นเหตุผลในการเชิญนายกรัฐมนตรีและพลเอกประวิตรไม่ได้อยู่ในอำนาจหน้าที่ของกรรมาธิการ การกระทำของกรรมาธิการป.ป.ช.จึงเป็นการดำเนินการที่เกินขอบเขตอำนาจหน้าที่ของตัวเอง ผมไม่ได้ต้องการปกป้องพลเอกประยุทธ์หรือพลเอกประวิตร แต่เห็นว่ากำลังมีการใช้กรรมาธิการเป็นเครื่องมือทางการเมืองอย่างน่ารังเกียจ ซึ่งจะทำให้การทำงานของสภาในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติเสื่อมเกียรติไปด้วย เพราะคนเป็นส.ส.ควรใช้กรรมาธิการเป็นเครื่องมือในการรักษาผลประโยชน์ให้กับประชาชนไม่ใช่ใช้เพื่อประโยชน์ทางการเมืองของตัวเองและพวกพ้อง ซึ่งแน่นอนว่าหากฝ่ายบริหารประพฤติผิดหรือมีการทุจริตก็อยู่ในวิสัยที่กรรมาธิการป.ป.ช.จะตรวจสอบ เชิญมาให้ข้อเท็จจริงได้ แต่ต้องทำตามบทบาทหน้าที่ของตัว ไม่ใช่เทำเกินขอบเขตอำนาจอย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้ "จึงขอเสนอให้พลเอกประยุทธ์หรือพลเอกประวิตรในฐานะผู้เสียหายแจ้งความดำเนินคดีกับกรรมาธิการป.ป.ชที่ลงมติเชิญให้ไปชี้แจงทั้งที่ไม่มีอำนาจ ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายคำสั่งเรียกฯมาตรา 12 ที่บัญญัติว่า กรรมาธิการผู้ใดปฏิบัติ หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึง 10 ปีหรือปรับตั้งแต่ 2,000 บาทถึง 20,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งการกระทำของกรรมาธิการป.ป.ชเข้าข่ายใช้อำนาจกลั่นแกล้ง ทำให้เกิดความเสียหาย จึงอยากให้มีการดำเนินคดีเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป ถ้ากรรมาธิการคนไหนไม่เห็นด้วยกับมติที่ออกมาก็ต้องแสดงความเห็นคัดค้านอย่างชัดเจนจะได้ไม่ติดร่างแหไปด้วย”นายเชาว์กล่าว