นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊กชื่อ Thirachai Phuvanatnaranubala ระบุว่า.. “สหรัฐคอนเฟิมนายทุนลี้ภัย” ดังที่ผมเคยเขียนไว้แล้วว่า สงครามการค้าจะยุติเพียงชั่วคราว และปะทุขึ้นอีกหลายรอบในอนาคต ดังนั้น จึงจะมีบริษัทที่ผลิตในจีนย้ายฐานมาไทย เพื่อส่งออกไปสหรัฐ เรียกว่าพวก นายทุนลี้ภัย การเคลื่อนย้ายจะเกิดขึ้นในอีก 5-10 ปีข้างหน้า และจะมีทั้งบริษัทสหรัฐและบริษัทชาติอื่น ข้อมูลในข่าวนี้ยืนยันแล้ว บริษัทสหรัฐหลายบริษัทจะลงทุนในไทยเพื่อย้ายฐานการผลิต ปัญหาคือรัฐบาลลุงตู่(1)ได้จัดตั้ง อีอีซี โดยคาดไม่ถึงว่าจะมีสงครามการค้า ตั้งโดยขายฝันว่าจะดึงดูดการลงทุนประเภทซูเปอร์ไฮเทค เพื่อพาไทยหนีออกจากกับดับรายได้ปานกลาง ขายฝันสวยหรู แลกด้วยการแก้ผ้าร่ายรำ ให้ต่างชาติทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้โดยเช่าที่ดินได้ 99 ปี เอาไปให้เช่าช่วงก็ได้ มีการเวนคืนที่ เอาที่ราชพัสดุ ที่เกษตร และที่ สปก.มาใช้เพื่ออุตสาหกรรม เป็นการลดแลกแจกแถม มากกว่าการส่งเสริมที่เคยให้มากว่าห้าสิบปี แต่มาวันนี้ ธุรกิจที่นายทุนลี้ภัยจะต้องย้ายมาไทยนั้น ไม่ใช่ซูเปอร์ไฮเทค แต่เป็นเทคปัจจุบัน การผลิตและประกอบไอโฟน ลำโพงที่ใช้กับมือถือ อุปกรณ์เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ฯลฯ จึงกลายเป็นว่า นายทุนลี้ภัยเหล่านี้ก็จะสามารถมาใช้ประโยชน์ที่ให้ไว้แบบเว่อร์ใน อีอีซี ได้ด้วย กลายเป็นว่า จู่ๆ ไทยก็ปรับมาตรการส่งเสริมการลงทุน โดยให้ประโยชน์เกินกว่าจำเป็น เพราะไทยบังเอิญไปตั้ง อีอีซี โดยไม่ได้คาดคิดถึงสงครามการค้า ส่วนธุรกิจที่ขายฝันไว้ 10 อย่าง ที่หวังจะพาไทยขึ้นชั้นไปในอนาคตนั้น มีความเป็นไปได้ก็เพียงเมืองการบินและศูนย์โลจิสติกเท่านั้น ที่เหลือไม่เห็นจะจำเป็นต้องใช้ over incentive ของ อีอีซี เลย ทั้งหมดนี้เกิดขึ้น เพราะอภิมหาเศรษฐีได้มีการกว้านซื้อที่ดินล่วงหน้าเอาไว้ให้ต่างชาติ และอภิมหาเศรษฐีนักพัฒนานิคมอุตสาหกรรมได้มีการกว้านซื้อที่ดินเกษตรกรรม แล้ววิ่งเพื่อเปลี่ยนจากสีเขียวไปเป็นสีม่วง กำไรกันหลายสิบเท่า ที่ใหญ่โตที่สุด ก็คืออภิมหาเศรษฐีที่ได้จ้องที่มักกะสัน 450 ไร่มาหลายปี สามารถใช้ อีอีซี ยึดหัวหาดไว้ก่อน 150 ไร่ รวมทั้งไปกว้านซื้อที่ฉะเชิงเทราเอาไว้ทำกำไรอีกหลายต่ออีกด้วย แต่ประชาชนได้ประโยชน์ ไม่คุ้มค่ากับการขายแผ่นดิน