น.ส.เกศปรียา แก้วแสนเมือง โฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า คนในรัฐบาลอย่าให้ข่าวจนประชาชนคิดว่าเป็นแหล่งข่าวลวงข่าวปลอมเอง ในสองวันนี้ตั้งแต่นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจที่ออกมาพูดเรื่องถูกตัดสิทธิ์ GSP เพราะเศรษฐกิจโต การถูกตัดสิทธิ์ GSP เป็นเรื่องน่าภูมิใจ ซึ่งเป็นการพูดข้อเท็จจริงไม่หมดเข้าข่ายข่าวลวง การพูดในฐานะผู้บริหารประเทศต้องพูดให้ครบทุกด้านทั้งด้านดีและด้านไม่ดี และบอกวิธีแก้ปัญหาที่จะเกิดขึ้น ไม่ใช่เป็นการพูดแก้ตัวปัดความผิดพลาดให้พ้นไป น.ส.เกศปรียา กล่าวต่อไปว่า กรณีเศรษฐกิจเติบโตดี ประชาชนทุกคนรู้ได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องให้โฆษกรัฐบาลหรือคนในคณะรัฐบาลออกมาบอกว่า “อย่าเชื่อข่าวลวงข่าวปลอมว่าเศรษฐกิจไม่ดี” ถ้าประชาชนมีความสามารถในการจับจ่ายใช้สอยมีรายได้มากกว่ารายจ่ายจะไม่มีใครออกมาบอกว่าเศรษฐกิจไม่ดี แต่สถานการณ์ขณะนี้มีข่าวฆ่าตัวตายเพราะพิษเศรษฐกิจรายวัน มีการแจกเงินชิมช้อปใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเฟส 1 2 3 มีปริมาณคนจนเพิ่มมากขึ้น ยอดค้าขายลดลงสินค้าเกษตรราคาตกต่ำ รายได้ไม่พอรายจ่าย ประชาชนรับรู้เองว่าเศรษฐกิจตนเองไม่ดีเช่นไรไม่ต้องมีใครมาบอกกล่าว ดังนั้น การออกมาบอกประชาชนอย่าเชื่อข่าวปลอมว่าเศรษฐกิจไม่ดี คือข่าวปลอมหรือข่าวเท็จจากภาครัฐในสายตาประชาชน “อีกกรณีคือการที่นายกรัฐมนตรีบอกในที่ประชุม ครม. ว่าจะรับผิดชอบกรณีปิดเหมืองทองเอง การพูดเช่นนี้ก็เป็นการพูดไม่ชัดเจน คำว่ารับผิดชอบต้องระบุด้วยว่ารับผิดชอบแค่ตัดสินใจจะแก้ปัญหาด้วยวิธีใด หรือรับผิดชอบในการไม่เอาเงินภาษีประชาชนไปชดเชยเหมืองทองเอกชนเพื่อให้จบคดีที่เกิดจากการตัดสินใจผิดพลาดของหัวหน้า คสช. รัฐบาลต้องพูดให้ชัด เพื่อจะได้ไม่เป็นต้นตอของข่าวลวง หรือการไม่รับผิดชอบต่อคำพูด เหมือนการขอเวลาอีกไม่นานสัญญาว่าจะให้เลือกตั้ง หลายครั้งที่ พล.อ.ประยุทธ์ให้ข่าวลวงในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา ดังนั้นก่อนที่จะประโคมข่าวตั้งศูนย์ปราบข่าวลวงข่าวปลอม ขอเสนอให้พิจารณาแก้ไขที่คนในคณะรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องว่า ระมัดระวังคำพูดอย่าให้คำพูดเหล่านั้นเป็นต้นกำเนิดข่าวลวงข่าวปลอมเสียเอง”