วันนี้ (30 ต.ค.) เวลา 09.50 น. ณ บริเวณด้านหน้าศูนย์ยุติธรรมสร้างสุข กระทรวงยุติธรรม ชั้น 2 อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรี​ว่าการกระทรวงยุติธรรม (รมว.ยธ.) รับเรื่องจากกลุ่มบุคคลที่อ้างว่าเป็นผู้เสียหายจากการร่วมลงทุนแชร์แม่มณี เพื่อขอให้กระทรวงยุติธรรม โดย กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ดำเนินการตรวจสอบกรณีดังกล่าว หากเข้าข่ายลักษณะแชร์ลูกโซ่ขอให้ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 28 ต.ค.ที่ผ่านมา ผู้เสียหายเดินทางมาร้องทุกข์กับ กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ดีเอสไอ ประมาณ 200 ราย จากนั้น วันที่ 29 ต.ค. ดีเอสไอ ได้จัดทำการลงทะเบียนผ่านระบบคิวอาร์โค้ด เพียง 1 วัน จำนวน 1,600 ราย รวมทั้งหมดกว่า 1,800 ราย และ มูลค่าความเสียหาย 432 ล้าน ซึ่งการพิจารณาเข้าข่ายคดีพิเศษนั้นต้องมีเงื่อนไข ผู้เสียหาย 300 รายขึ้นไป และมีความเสียหายเกิดขึ้นมากกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งอยากให้ผู้เสียหายให้ลงทะเบียนคิวอาร์โค้ดไว้ก่อน อีกทั้ง ยังมีผู้เสียหายร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจอีก 400 ราย โดยหลังจากนี้จะหารือกับหน่วยงานเพื่อประชุมคณะกรรมการกลั่นกรอง ประกอบด้วย อัยการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดีเอสไอ พิจารณารับเป็นคดีพิเศษภายในสัปดาห์นี้ นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ดีเอสไอ ยังเตรียมข้อมูลในการอายัดบัญชีทรัพย์สินกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพราะหากล่าช้าอาจถูกโยกย้ายทรัพย์สินทำให้โอกาสตามคืนยาก พร้อมประสาน ปปง. ตรวจสอบเส้นทางการเงิน ส่วนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปอศ. ออกหมายจับไปแล้วนั้น หากดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษถึงจะประสานไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อพิจารณารวมสำนวน แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเริ่มอายัดบัญชีไปบางส่วนแล้ว สำหรับการช่วยเหลือผู้เสียหายคดีแชร์ลูกโซ่ เบื้องต้นยังไม่มีกองทุนเยียวยาแต่กำลังพิจารณาในการแก้กฎหมายให้ได้รับความเป็นธรรม ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณี น.ส.วันทนีย์ ทิพย์ประเวช หรือ “แม่มณี” และ น.ส.จุฑาทิพย์ นิ่มนวล หรือมะนาว อ้างว่าหากผู้เสียหายไปแจ้งความก็จะไม่ได้รับเงินคืน ด้าน นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ขอบอกผู้เสียหายว่าหากไม่แจ้งความและหมดเวลาอาจไม่ได้รับการการเยียวยาช่วยเหลือ ซึ่งผู้เสียหายจะเชื่อหน่วยงานรัฐ หรือเชื่อ แม่มณี หรือ มะนาว อย่างไรก็ตาม ขบวนการทั้งหมดจะมีจำนวนกี่รายต้องขอให้รับเป็นคดีพิเศษก่อนจะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป