วีระ สมความคิด ประธานกลุ่มพิทักษ์สิทธิเสรีภาพของประชาชน โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊ก วีระ สมความคิด ระบุว่า... เช้าวันนี้ ได้รับข่าวดีมีนักโทษเขมรคนหนึ่ง เป็นอดีตนายพลโท ซึ่งเพิ่งพ้นโทษจากคุกเปรย์ซอว์ เดินทางมาเมืองไทย และติดต่อผ่านนายตำรวจคนหนึ่ง ให้ช่วยติดต่อผม เพื่อให้ไปรับเศษกระดาษที่ผมแอบบันทึกช่วงอยู่ในคุกเขมร แล้วฝากนักโทษเขมรคนนี้เอาไว้ . ที่ผมต้องแอบซ่อนบันทึกช่วงอยู่ในคุกเขมร เนื่องจากผมเป็นนักโทษเพียงคนเดียวที่ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างหนัก ฮุนเซนสั่งห้ามผมมีดินสอ กระดาษ ไม่ให้จด ไม่ให้บันทึกอะไรทั้งสิ้น และที่สำคัญผมไม่ได้รับอนุญาตให้มีหนังสือ ไม่ให้อ่านหนังสือใดๆทั้งสิ้น ต้องการทรมานผมทุกวิถีทาง ไม่ให้ได้ผ่อนคลาย จะได้เครียดแล้วเน่าตายในคุก ตามที่นายพลไทยที่ถีบผมเข้าคุกเขมรต้องการ . ดังนั้น ผมจึงต้องแอบซ่อนดินสอและเศษกระดาษ เพื่อบันทึกเรื่องสำคัญเอาไว้ และนี่คือหลักฐานสำคัญที่ยืนยันว่า คสช.ไม่ใช่คนที่เจรจากับฮุนเซนจนฮุนเซนยอมปล่อยตัวผม เรื่องนี้ได้บันทึกไว้ก่อนได้รับการปล่อยตัว คือ เมื่อวันศุกร์ที่ 13 มิถุนายน 2557 ในวันที่ญาติผมไปเยี่ยมที่เรือนจำเป็นประจำทุกวันศุกร์ ในวันนั้นนอกจากคุณขวัญภรรยาผมแล้ว ก็มีนายนที วิชิตสรสาตร เลขานุการเอกสถานฑูตไทยประจำกรุงพนมเปญ และพันเอกคมิก ไม่เศร้า ผู้ช่วยฑูตทหารบกประจำกรุงพนมเปญ ไปพบผมเพื่อยื่นข้อเสนอให้ผมต้องปฏิบัติตามหากได้กลับเมืองไทย คือทาง คสช. ห้ามไม่ให้ผมไปเคลื่อนไหวหรือไปตรวจสอบการรุกล้ำเขตแดนของทหารเขมรอีก ซึ่งผมตอบว่า ประชาชนจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องอธิปไตยตามแนวชายแดน หากทหารซึ่งมีอำนาจหน้าที่ได้ทำหน้าที่ดูแลได้อย่างดีแล้ว ผมฝากให้ไปบอกหัวหน้า คสช. ตามนี้ พันเอกคมิก บอกว่าการช่วยเหลือผม คสช. ไม่รับปากว่าจะช่วยได้เมื่อใด อาจต้องใช้เวลาอีกเป็นปีหรืออีกหลายปี วิธีที่เป็นไปได้ที่สุดคือการโอนตัวให้ผมกลับมารับโทษต่อที่คุกเมืองไทย แล้วค่อยหาวิธีช่วยให้ผมออกจากคุกเมืองไทยต่อไป ทั้งหมดนี้คือใจความสำคัญที่ได้พูดคุยกันในวันนั้น ในเวลาเพียง 20 นาที (คนทั้ง 3 ยังมีชีวิตอยู่ สามารถยืนยันความจริงนี้ได้) . ต่อมา ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2557 นายฮุนเซน ได้อ้างกฤษฎีกาของกษัตริย์เขมรปล่อยตัวผม โดยที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน คณะรัฐบาลของเขมรก็ไม่มีใครล่วงรู้ และที่สำคัญ คสช. ก็ไม่เคยรู้ล่วงหน้ามาก่อน ดังนั้น ที่ประยุทธ์และประวิตรมาอ้างว่าเป็นผู้ที่ได้ช่วยผมจึงไม่เป็นความจริง คสช. อาจกำลังหาวิธีเจรจาเพื่อช่วยเหลือผม แต่ก็มีคนอื่นประเทศอื่นยื่นมือเข้าช่วยบีบ ช่วยเจรจาจนฮุนเซนยอมปล่อยตัวผมออกมาได้ก่อน . ขอให้ท่านอ่านบันทึกของผมที่ได้บันทึกในคุกเขมรไว้เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2557 สิ่งที่ผมได้คาดการณ์เอาไว้เป็นความจริงทั้งหมด ทหารที่มีอำนาจล้วนเข้ามาหาผลประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้องทั้งสิ้น . ขอบคุณ พลโท...เพื่อนนักโทษเขมร ที่ยังไม่ลืมและรักษาคำมั่นสัญญา นำบันทึกลับของผมมาส่งให้ถึงมือที่เมืองไทยในวันนี้